วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ บุคคลผู้เป็นสุข ” ตอน 2 จาก “ มธ.5:3-11 ”

บุคคลผู้เป็นสุข                                                                                    -6-                                                             โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

รื่อง บุคคลผู้เป็นสุข ตอน 2 จาก มธ.5:3-11

                มธ.5:3-11               บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา บุคคลผู้ใดโศกเศร้า ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการทรงปลอบประโลมบุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดกบุคคลผู้ใดหิวกระหาย ความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มบริบูรณ์บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบบุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้าบุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตรบุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาเมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข
                พระวจนะในตอนนี้ เป็นลักษณะของบุคคลผู้เป็นสุข เป็นแนวทาง เป็นเคล็ดลับ เป็นกุญแจ เป็นหนทางที่จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข ท่ามกลางสถานการณ์ต่างๆ โดยมีรายละเอียดทั้งหมด 9 ประการ

บุคคลผู้เป็นสุข ตอน 1 (มธ.5:3) บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข
1. คำนำจากพระวจนะ
1.1 ความรู้สึกเป็นเรื่องของบุคคล
1.2 จะเป็นสุขได้ต้องรู้สึกบกพร่อง
1.3 ทุกคนต้องการเป็นสุข
1.4 แผ่นดินสวรรค์เป็นของบุคคลที่รู้สึกบกพร่อง
2. ความหมายของพระวจนะ
2.1 นิยามของคำว่าความสุข
2.2 ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสำเร็จ ความสุขและความสงบ
2.3 บุคคลผู้มีความสุขที่แท้จริง
2.4 ความหมายของคำว่าบกพร่อง

บุคคลผู้เป็นสุข ตอน 2 (ต่อจากตอนที่แล้ว)
2.5 รายละเอียดของคำว่า “บกพร่อง”
ก. ความว่างเปล่า ย่อมมาก่อนการเติมเต็ม ... ความครบบริบูรณ์ย่อมมาหลังความบกพร่อง
ถ้าเราไม่รู้สึกว่าตนเอง “ว่าง” เราก็จะไม่หาสิ่งใดมาเติมให้เต็ม
หน้าที่หลักของคริสตจักร คือ “เติม” ในสิ่งที่เขา “ขาด” และ “ต่อยอด” ในสิ่งที่เขา “มี”
คนจะไม่รู้สึก “ว่าง” ถ้าเราไม่พาเขาไปสู่โลกกว้าง

ความรู้ทางโลกนั้นไม่สิ้นสุดฉันใด ความรู้ด้านจิตวิญญาณ ก็ไม่มีสิ้นสุดฉันนั้น
เราเป็นผู้แทนพระเจ้า เราเป็นพระกายพระเจ้า
ปากเรา คือ พระโอษฐ์พระเจ้า, มือเรา คือ พระหัตถ์พระเจ้า, เท้าเรา คือ พระบาทพระเจ้า
การพัฒนาความรู้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
อายุมากขึ้นต้องรู้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องพระเจ้า เรื่องพระคัมภีร์ เรื่องชีวิต เรื่องจิตวิญญาณ
เมื่อรู้มากขึ้น ก็มีสาระมากขึ้น ไม่เป็นคนรกโลก หรือรกโบสถ์

ข. คนที่รู้สึกบกพร่อง คือ คนที่สอนได้ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน
บางคนสอนอย่างไร ก็เข้าใจไม่ได้ บางคนคิดว่าตัวเองรู้หมดแล้ว ก็ไม่รับคำสอน
กาลเวลาผ่านไป คนที่สอนไม่ได้ ไม่ใฝ่รู้ หรือใฝ่เรียน ก็กลายเป็นคนสุดท้ายในทางพระเจ้า
คนที่มาหลัง คนที่รู้สึกบกพร่องเลยหน้าเราไป เพราะเขาใฝ่ดี ใฝ่รู้

วว.14:13                 และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงจากสวรรค์สั่งว่า จงเขียนไว้เถิดว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป คนทั้งหลายที่ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข และพระวิญญาณตรัสว่า จริงอย่างนั้น เขาได้หยุดพักจากการงานของเขา เพราะการงานที่เขาได้กระทำนั้นจะติดตามเขาไป
คำว่า “ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” หมายถึง ยอมเหนื่อยเพื่อพระเจ้า ลำบากเพื่อพระเจ้า เจ็บปวดเพื่อพระเจ้า
บางคนกว่าจะสอนเข้าใจ เราต้องเหนื่อยมาก แต่ผลของความเหนื่อยยากนั้นทำให้เราเป็นสุข
ทั้งคนที่สอนได้ และคนที่ได้สอน ก็มีความสุข เพราะเป็นการทำงานด้านจิตวิญญาณ
งานนั้นจะคงอยู่และติดตามเราไปเสมอนิรันดร์

กท.4:19                  ลูกน้อยของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าต้องเจ็บปวดเพราะท่านอีก จนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร่างขึ้นในตัวท่าน
เปาโล กล่าวพระวจนะตอนนี้ไว้ สอนเรา หนุนใจเรา
การที่จะถ่ายทอดพระลักษณะของพระเจ้าในสาวก ... บ่อยครั้งเราต้องยอมตาย
คือ ตายต่อความสะดวก ตายต่อเกียรติ
การที่เราจะเป็นผู้ที่สอนได้นั้น เราก็ต้องยอมตายเช่นกัน คือ ตายต่อยศ ตายต่อฐานะทางโลกของเราเอง

ลักษณะของคนที่สอนได้
(1) เป็นผู้ที่มีความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ความดีงาม คุณธรรม วุฒิภาวะ เพิ่มขึ้นในชีวิตเสมอ
ผู้ที่สอนได้ จะรับการสอน รับการสร้างเสมอ
อย่าลืมว่าเราต้องเติมตัวเองให้เต็มอยู่ตลอดเวลา เพราะเป้าหมายสูงสุดของเรา คือ การเป็นพระฉายพระเจ้า
ดังนั้น ความรัก ความอดทน ความถ่อมใจของเราต้องมีมากขึ้น กว้างขึ้น ไกลขึ้น เหมือนพระเจ้ามากขึ้น
นี่ คือ คนที่สอนได้ แตะได้ สร้างได้ และคนที่รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ

(2) เป็นผู้ที่ต่อยอด ความคิด ความรู้ ความสามารถอยู่เสมอ
ทุกคนมีคุณค่าความเป็นคนเท่ากัน แต่เราต้องยอมรับว่าสติปัญญาของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ดังนั้น คำว่า “ดีแล้ว” จึงไม่ได้หมายความว่าจะหยุดเราได้
แต่เราต้องดีมากขึ้น ดีต่อไปจนถึงความดีเลิศ ต่อยอดสิ่งที่เรามีให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

(3) เป็นผู้ที่สร้างสมองให้รู้จักสังเกต (แต่ไม่จับผิด)
คนที่สอนได้ ต้องเป็นผู้ที่ไตร่ตรองเสมอ ใช้สมองทั้งหมดทุกส่วน ไม่ใช่บางส่วนเท่านั้น
คนที่เติมตัวเองให้เต็มอยู่เรื่อยๆ จะเป็นผู้ที่ใช้สมองได้ทั้งหมด
ผล คือ ถวายเกียรติพระเจ้า
ยน.15:8                  พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
พระวจนะกล่าวสั้นๆ แต่ครอบคลุมพระคัมภีร์ทั้งเล่ม และครอบคลุมทั้งชีวิตของเรา
ตราของพระเจ้าประทับบนเรา เมื่อเราเกิดผลมาก
แต่เราจะเกิดผลมากไม่ได้เลย หากเราใช้สมองเพียงบางส่วนเท่านั้น
ดังนั้น คนที่สอนได้ ต้องเป็นคนที่ฝึกสมองให้รู้จักสังเกต
ตราบใดเราไม่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ปัญญาของเราทั้งหมด ตราบนั้นเรายังบกพร่องต่อพระเจ้า

(4) เป็น “มนุษย์ผู้ทรงสามารถ” ไม่ใช่ “มนุษย์หุ่นยนต์”
มนุษย์หุ่นยนต์ คือ คนที่ทำทุกอย่างตามโปรแกรม ไม่มีการทำอะไรเพิ่มเติม
เป็นผู้ที่ทำงานไปวันๆ ทำตามขบวนการ ไม่ใช่ผู้นำ
เป็นผู้ที่รู้สึกว่าตนเองดีแล้ว เก่งแล้ว ยอดแล้ว
แต่มนุษย์ผู้ทรงสามารถ คือ ผู้ที่รู้สึกบกพร่อง ผู้ที่สอนได้
เริ่มต้นจากความรู้สึกที่ว่า เรายังทำได้ไม่ดี เราต้องทำให้เสร็จ เราต้องขยายงานให้มากขึ้น
เป็นผู้ก้าวหน้า เพราะตระหนักว่าเป็นพระฉายพระเจ้า
พระเจ้าเอง เริ่มทุกอย่างจากศูนย์ คือ จากไม่มีอะไร
พระองค์ทรงเนรมิตสร้าง “ฟ้า” คือ โลกวิญญาณ และเนรมิตสร้าง “ดิน” คือ โลกวัตถุ

ค. คนที่รู้สึกบกพร่อง คือ ผู้ที่มีจิตสำนึก หรือสามัญสำนึกที่ดี
ผู้มีจิตสำนึก หรือสามัญสำนึกที่ดี คือ ผู้ที่คิดได้ นึกได้ ตระหนักได้
ต่อมคุณธรรม ต่อมจริยธรรมของเขายังไม่ตาย ยังทำงานอยู่

1ทธ.1:18-19           ดูก่อนทิโมธี บุตรของข้าพเจ้า คำกำชับนี้ ข้าพเจ้าได้ให้ไว้กับท่านตามคำพยากรณ์ซึ่งเล็งถึงท่าน เพื่อข้อความเหล่านั้นจะเป็นแรงใจให้ท่านสู้รบได้ดี จงยึดความเชื่อไว้ และมีจิตสำนึกว่าตนชอบ ซึ่งข้อนี้บางคนได้ละทิ้งเสีย ความเชื่อของเขาจึงอับปางลง
จิตสำนึกที่ดี มโนธรรมที่ดี เป็นสุขภาพฝ่ายวิญญาณที่ดี เป็นแรงสู้รบในชีวิตได้ และทำให้เราเป็นผู้ที่สอนได้
จิตสำนึกที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องให้พระเจ้าสัมผัส เพียงแค่พระเจ้าตรัส ก็เป็นผู้ที่รู้สึกได้แล้ว

พคค.3:17-28          จิตวิญญาณของข้าพเจ้าขาดความสงบสุข จนข้าพเจ้าลืมความสำราญว่าเป็นอะไร ข้าพเจ้าจึงว่าศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าสูญไปแล้ว และความหวังในพระเจ้าก็ดับหมด ขอทรงจำความทุกข์ใจและความถูกบีบคั้นของข้าพเจ้า อันเป็นบอระเพ็ดและดีหมี จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายังนึกเนืองๆ และต้องค้อมลงภายในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวนคิดขึ้นมาได้ ข้าพเจ้ามีความหวังขึ้นเมื่อคิดได้ว่า ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก

พคค.สามข้อสิบเจ็ดถึงยี่สิบแปด
เมื่อมาถึงจุดจนมุม อับจน ขมขื่น เจ็บปวด มันมืด หาทางออกไม่ได้
ความหวังดับไป แต่ภายหลัง นึกขึ้นมาได้

เมื่อจิตสำนึกเป็นปกติ จิตวิญญาณสุขภาพดี สติสัมปัชญญะดี จะนึกได้ คิดได้ และมีความหวัง
เหมือนคนใกล้ตาย แต่ฟื้นคืนมาได้
ทะลุจากกาย ไปจิต และไปวิญญาณ (ไม่ใช่บกพร่อง ผิด พลาดตลอด)

สามัญสำนึกที่ดีไม่มีขาย มันจะเกิดขึ้นได้ด้วยคุณธรรม ด้วยจิตใจที่ดี และไม่มีสอนในสถาบันการศึกษา
สอนเฉพาะในคริสตจักรของพระเจ้าเท่านั้น

ก. นิยามของสามัญสำนึกที่ดี
หนึ่งย่อย เป็นผู้มีภาวะจิตสมดุล ไม่เอียง ไม่ขาด ไม่เกิน
สามารถรับและรักษาสิ่งดีจากพระเจ้าได้

สองย่อย เป็นผู้ปลอดจากการครอบงำหรือปมใดๆ
อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร

สามย่อย เป็นผู้ที่ไม่ถูกจูงจมูกได้ง่ายๆ
สภษ.คนโง่เชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ... อ่านหนังสือพิมพ์อย่าเชื่อทันที ข่าว คือ ข่าว
จริงหรือไม่ ต้องวิเคราะห์อีกที

สี่ย่อย สามัญสำนึกที่ดีจะบอกเราว่า อะไรควรยึด อะไรควรปล่อย
เช่นเรื่องอารมณ์อย่าไปยึดๆ ไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน ต้องเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

ห้าย่อย จะเป็นผู้ที่ไม่จุดชนวนทะเลาะในเรื่องหยุมหยิม
หกย่อย สามัญสำนึกทำให้เรามองภาพอย่างที่มันเป็นจริง
หลายครั้งสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป

เจ็ดย่อย จิตสำนึกที่ดี จะทำให้ไม่อ่อนแอในเรื่องไม่สำคัญ แต่จะเข้มแข็งในเรื่องสำคัญเสมอ
แปดย่อย สามัญสำนึกดทำให้เราเป็นผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับสิ่งที่ไร้สาระ ความเขลา หรือความเพ้อเจ้อ

ข. อัจฉริยะใกล้เคียงกับคนบ้า ... หนทางในการรักษาและดำรงอัจฉริยะ คือ สติสัมปชัญญา (สามัญสำนึกที่ดี)
ทต.สองข้อสิบเอ็ดสิบสอง
เรารอดไปสวรรค์เพราะความเชื่อ แต่เพราะเรารอด เราจึงทำดีถวายพระเจ้า
สติฯ รักษาความเก่ง กล้า ริเริ่มของเรา

ค. ประวัติเบนจามิน แฟรงคลิน
ขอจากพ่อ ...
ต้องเรียน ต้องรู้ ต้องเพิ่มเติมเสมอ เพราะเราต้องแตะโลก

ง. ถ้าขาดจิตสำนึกที่ดี จะนำมาซึ่งความหยิ่งยโส
จะเป็นคนเดินวางก้าม อหังการ โอ้อวด ... หลายคนในรพ.โรคจิต ปราดเปรื่อง แต่ขาดจิตสำนึก
ยก.สามข้อสิบสามถึงสิบแปด
คนดี เก่ง รวยกว่าเรามีเยอะ ... อย่าหยิ่ง ที่พระเจ้าใช้เราเป็นพระคุณ ไม่ใช่บุญคุณ

ยก.สี่ข้อหก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น