วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 2

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -8-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 2

2ทธ.4:3-5          เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
            การเข้าใจ และเข้าถึงคำสอนอันมีหลัก จะทำให้ชีวิตคริสเตียนมีหลัก และส่งผลให้การรับใช้พระเจ้าเกิดผล เราจะไม่ถูกซัดไปเซมา หรือหันไปเหมา เพราะลมปากของมนุษย์ แต่เราจะมีจุดยืนบนพระวจนะของพระเจ้า

คำสอนอันมีหลัก ตอน 2 ว่าด้วยเรื่อง “คริสตจักรของพระเจ้า”
เรามองไม่เห็นพระเจ้า แต่สิ่งที่เรามองเห็น คือ พระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้า
ซึ่งทำให้เราสามารถตรวจสอบความจริงได้ทุกเรื่อง
คำสอนอันมีหลักเกี่ยวกับ “คริสตจักรของพระเจ้า” หรือ “คริสตจักรในพระดำริของพระเจ้า”
หรือ “คริสตจักรตามคำสอนของพระคัมภีร์” มีดังนี้

1. คริสตจักรของพระเจ้า มีความสำคัญอย่างไร?
อฟ.3:10-11        ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักรณบัดนี้ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
พระวจนะในตอนนี้ กล่าวถึงความสำคัญของคริสตจักรในพระดำริของพระเจ้า ดังนี้

1.1 แม้แต่เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน ก็รู้จักปัญญาของพระเจ้าผ่านคริสตจักร
อฟ.3:10             ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักร ณ บัดนี้
เทพและทูตสวรรค์มีจำนวนมากมายมหาศาล ไม่สามารถนับได้
และในจำนวนมากมายที่นับไม่ได้นั้น เทพผู้ครอง คือ กาเบรียล มีคาเอล และลูซิเฟอร์
ซึ่งถือเป็นเทพชั้นสูงสุด ยังต้องรู้จักปัญญา แผนการและการปกครองของพระเจ้าผ่านทางคริสตจักร
ดังนั้น คริสตจักร ไม่เพียงแต่สำคัญในโลกนี้เท่านั้น แต่ยังสำคัญและตั้งอยู่ในสวรรค์เป็นนิรันดร์ด้วย

1.2 คริสตจักร เป็นแผนการและพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้า
อฟ.3:11             ทั้งนี้ก็เป็นไปตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
ในโลกนี้ ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง แต่คริสตจักรของพระเจ้า ไม่เคยเปลี่ยน คงอยู่เป็นนิรันดร์
มีอาณาจักรมากมายเกิดขึ้นในโลก ทั้งด้านการปกครอง หรือการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ โรม หรือคอมมิวนิสต์ ทุกอย่างเคยรุ่งเรือง แต่บัดนี้ล่มสลายไปแล้ว
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                                -9-                                            โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ทุกอาณาจักรขึ้นสูงสุดแล้วก็เสื่อมลงต่ำสุด มีเพียงอาณาจักรเดียวที่ขึ้นแล้วไม่มีวันลง
คือ อาณาจักรของพระเจ้า หรือคริสตจักรของพระองค์
เพราะคริสตจักร เป็นแผนการนิรันดร์ของพระเจ้า ทั้งในโลกนี้และในสวรรค์

1.3 คริสตจักร เต็มไปด้วยพระปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้า
อฟ.3:10             ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักร ณ บัดนี้
ขบวนการจัดการของพระเจ้าซับซ้อนมาก ปัญญามนุษย์ไม่สามารถเข้าใจและเข้าถึงพระปัญญาของพระเจ้าได้
ดังนั้น เราจึงต้องยอมจำนนต่อสิทธิอำนาจของพระเจ้า
คริสตจักร คือ อาณาจักรของพระเจ้า คริสตจักร เป็นแผนการและพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้า
คริสตจักร อยู่เหนือเทพผู้ครอง อยู่รองจากพระเจ้า
ในการบริหารงานของพระเจ้าให้สำเร็จนั้น แผนการของพระเจ้าซับซ้อน
สิ่งที่มนุษย์ควรทำ คือ วางใจในแผนการของพระเจ้าเท่านั้น

2. คริสตจักรของพระเจ้า มีเพียงคริสตจักรเดียว
คริสตจักรของพระเจ้านั้น มีเพียงคริสตจักรเดียวเท่านั้น เหมือนพระเจ้าเที่ยงแท้ มีแต่พระองค์เดียวเท่านั้น
อฟ.4:4-5            มีกายเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนมีความหวังใจอันเดียวที่เนื่องในการที่ทรงเรียกท่าน มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว
คำว่า “กาย” พระเจ้าทรงหมายถึง “คริสตจักร” และย้ำว่ามี “กายเดียว” เท่านั้น มี “คริสตจักรเดียว” เท่านั้น
สำหรับมนุษย์ โลกใบนี้อาจจะยิ่งใหญ่มาก แต่สำหรับพระเจ้า โลกใบนี้เล็กนิดเดียว
พระเจ้าสร้างคริสตจักรของพระองค์ คือ อาณาจักรของพระเจ้า
“คริสตจักร” ไม่ได้หมายถึง “ตัวอาคาร สถานนมัสการ” แต่ “คริตจักร” หมายถึง “กลุ่มชน ทุกคนที่เชื่อในพระเจ้า”

แต่ในคริสตจักรเดียวนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 ภาพใหญ่ๆ ดังนี้
2.1 คริสตจักรสากล คือ ผู้เชื่อทั้งโลก
มธ.28:19           เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์  
มก.16:15           ฝ่ายพระองค์จึงตรัสสั่งพวกสาวกว่า เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน
พระเจ้าย้ำว่าให้ออกไปประกาศกับ “ทุกคน” และต้องประกาศ “ทั่วโลก”
ถ้าเราเข้าใจความหมายของพระเจ้า เราจะรู้ว่า คริสตจักร หมายถึง ผู้เชื่อทุกคน ทุกชาติในโลก

2.2 คริสตจักรท้องถิ่น
คือ คริสตจักรที่อยู่ในประเทศต่างๆ และคริสตจักรที่อยู่ในท้องถิ่นของแต่ละประเทศ

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -10-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

คริสตจักรท้องถิ่นในพระคัมภีร์ เช่น คริสตจักรในกรุงโรม คริสตจักรเมืองโครินธ์ คริสตจักรเมืองกาลาเทีย
คริสตจักรเมืองเอเฟซัส คริสตจักรเมืองเธสะโลนิกา เป็นต้น
วว.1:11             ตรัสว่า "สิ่งซึ่งท่านได้เห็นจงเขียนไว้ในหนังสือม้วน และฝากไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด คือคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัส เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กามัม เมืองธิยาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟียและเมืองเลาดีเซีย"
พระวจนะกล่าวถึงตัวแทนของคริสตจักรต่างๆ ในโลก (คริสตจักรท้องถิ่น)
เหตุที่ต้องมีคริตจักรท้องถิ่น ก็เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและปกครองแต่ละพื้นที่นั้นๆ

2.3 คริสตจักรที่อยู่ในบ้าน
เป็นคริสตจักรย่อย เหมือนสาขาย่อยของธนาคารต่างๆ
อุปกรณ์หรือแผนก อาจจะมีไม่เหมือนกับสำนักงานใหญ่ แต่ก็เป็นสามารถฝากถอนเงินได้
คริสตจักรที่อยู่ในบ้าน ก็ไม่ต่างจากคริสตจักรท้องถิ่น เพียงแต่จำนวนคนน้อยกว่าเท่านั้น
รม.16:5             และขอฝากความคิดถึงมายังคริสตจักรที่อยู่ในบ้านเขาด้วย ขอฝากความคิดถึงมายังเอเปเนทัสที่รักของข้าพเจ้า ผู้เป็นคนแรกที่เข้ามาเชื่อในพระคริสต์ในแคว้นเอเชีย
คส.4:15            ท่านจงแสดงความนับถือพวกพี่น้องที่อยู่เมืองเลาดีเซียแทนข้าพเจ้าด้วย กับนางนุมฟา และคริสตจักรที่อยู่ในเรือนของนางด้วย
การเรียนเรื่องคำสอนที่มีหลักเกี่ยวกับคริสตจักรของพระเจ้าสำคัญมาก
ป้องกันการแตกแยกของคริสตจักรได้เป็นอย่างดี
คริสตจักรของพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ และในสายพระเนตรของพระเจ้ามีเพียงคริสตจักรเดียวเท่านั้น
ผู้เชื่อทุกคน ต่างก็เป็นคริสตจักรของพระเจ้า ผู้เชื่อทุกคนในโลก ถือเป็นพี่น้องของเรา

3. ผู้สร้าง เจ้าของและผู้ที่ใหญ่ที่สุดในคริสตจักร คือ พระเยซูคริสต์
พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นผู้สร้างคริสตจักรของพระองค์
พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นเจ้าของคริสตจักร และเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุดในคริสตจักรของพระเจ้า

3.1 พระเยซูคริสต์ เป็นผู้สร้างและให้กำเนิดคริสตจักร
มธ.16:18           ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร {ภาษากรีกว่า เปโตร} และบนศิลา {ภาษากรีกว่า เปตรา} นี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้
คริสตจักร เกิดขึ้นได้โดยพระเยซูคริสต์เป็นผู้ให้กำเนิด

พระเยซูคริสต์ สร้างคริสตจักรบนพื้นฐานความเชื่อของเปโตรที่เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า
หลายคนว่าพระเยซูเป็นศาสดา หรือเป็นผู้มีบุญญาธิการ แต่เปโตร กล่าวว่า พระเยซู คือ พระเจ้า
มธ.16:15-16       พระองค์ตรัสถามเขาว่า "แล้วพวกท่านเล่า ว่าเราเป็นใคร"ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า "พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่"
บนความเชื่อที่ถูกต้อง พระองค์ทรงสร้างคริสตจักรของพระองค์ขึ้น


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -11-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

คือ ความเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เป็นผู้พระผู้ไถ่ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเดียวของโลก
เครื่องบูชาอย่างอื่นไม่มีผลต่อสวรรค์ เว้นแต่เครื่องบูชาของพระเยซูคริสต์บนกางเขน

บนความเชื่อนี้ พระเจ้าจะสร้างคริสตจักรของพระองค์ และทรงตรัสว่าแม้พลังความตายก็เอาชัยไม่ได้
พระวจนะตอนนี้ที่พระเยซูคริสต์กล่าวนั้น ทำให้พระองค์ไม่มีที่ตรงกลางให้ยืน
ถ้าพระองค์ไม่ใช่ “พระเจ้า” พระองค์ก็เป็น “คนบ้า” คนหนึ่งเท่านั้นเอง
วันนี้ เราเห็นแล้วว่าคริสตจักรของพระเจ้า แม้พลังแห่งความตายก็เอาชัยไม่ได้จริงๆ
ถ้าพระเยซูเป็นเพียงมนุษย์ คำๆ นี้ไม่มีทางสำเร็จ เป็นจริง
โรมเวลานั้นยิ่งใหญ่กว่าอเมริกาในเวลานี้ ประกาศว่าจะลบคริสเตียนออกจากแผนที่โลก
สาวกของพระองค์มีแต่คนธรรมดาสามัญ ค่อนข้างไปทางยากจน
แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทุกอาณาจักรขึ้นแล้วลง แต่อาณาจักรเดียวที่ขึ้นแล้วไม่มีลง มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
คือ อาณาจักรของพระเจ้า และวันนี้พระองค์ก็ทรงนั่งอยู่ในใจของเราแล้วด้วย

พระคัมภีร์ ไม่ใช่หนังสือธรรมดา แต่เป็นพระวจนะของพระเจ้า
ทุกคำที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ จะสำเร็จ เป็นจริงตามนั้น
ผู้นำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี หรือนายกรัฐมนตรี
ก่อนเข้ารับตำแหน่งก็ต้องมาสาบานตนต่อหน้าพระคัมภีร์ และต้องให้ผู้รับใช้พระเจ้าอธิษฐานเผื่อผ่านคริสตจักร
นี่แหละความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และอาณาจักรของพระองค์

3.2 พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นประมุขของคริสตจักร
อฟ.1:21-23        สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วยพระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้ทรงอยู่เต็มทุกอย่างทุกแห่งหน
งานพระเจ้า งานคริสตจักร ถ้าไม่มีพระเยซูคริสต์เป็นประมุข คอยอำนวยพรและเจิม
งานและคริสตจักร ก็ไม่สามารถเคลื่อนได้เลย

อฟ.4:15             แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ คือพระคริสต์
พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร
คนละทำลายคนด้วยกันได้ ทำลายผู้รับใช้ของพระเจ้าก็ได้
แต่จะไม่มีใครทำลายคริตจักรของพระเจ้าได้ เพราะพระคริสตจักรเป็นของพระเยซูคริสต์
ขอให้เรารับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่ แล้วพระเจ้าจะทรงกระทำราชกิจของพระองค์เอง
ถ้าเรามีความเชื่อดี พระเจ้าจะอวยพรอย่างแน่นอน
ถ้าเรามานมัสการพระเจ้า รับใช้พระเจ้า เห็นแก่พระเจ้า (ไม่ใช่เห็นแก่มนุษย์)
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -12-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ไม่มีอะไรจะหยุดเรา หรือทำลายเราได้
แม้เราไม่รักหลายคน แต่เรายังรักพระเจ้า คนที่ทำไม่ได้ ย่อมรับส่วนของตนเอง
แต่เราต้องทำดีที่สุด เราต้องทำดีกับพระเจ้า รักพระเจ้าและยำเกรงพระเจ้าให้มาก

คส.2:19             และไม่ได้ยึดมั่นในพระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ศีรษะนั้นเป็นเหตุให้กายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยง และติดต่อกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆจึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงโปรดให้เจริญขึ้นนั้น
ถ้าเราเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร
คำว่า ขาดโบสถ์ หรือไม่รับใช้พระเจ้า จะไม่มีอยู่ในชีวิตของเรา
เพราะเมื่อไรที่กายขาดจากศีรษะ เมื่อนั้นเราก็ขาดชีวิต ขาดความเจริญ

3.3 ผู้เชื่อทุกคน เป็นกายของศีรษะ
อฟ.1:23             ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้ทรงอยู่เต็มทุกอย่างทุกแห่งหน
1คร.12:27          ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น
ท่านทั้งหลาย คือ ผู้เชื่อทุกคนในโลก เป็นกายของพระคริสต์
แม้ผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นอัครทูต หรือผู้เผยพระวจนะ ก็เป็นส่วนหนึ่งในกายนั้นเช่นกันกับผู้เชื่อทุกคน
เราไม่ได้เป็นกายของผู้นำ แต่เราเป็นกายของพระเจ้าที่ทำงานผ่านผู้นำ

อฟ.4:16             คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆข้อต่อ ที่ทรงประทานได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว
คริสตจักรของพระเจ้าจะเจริญได้ ถ้ากายหรืออวัยวะแต่ละส่วนทำงานอย่างเหมาะสม
อวัยวะแต่ละส่วนจะทำงานอย่างเหมาะสม ก็ต่อเมื่อติดสนิทกันกับทุกคน
เห็นความสำคัญของทุกคน เห็นความสำคัญของกันและกัน

3.4 พระเจ้าทรงแต่งตั้งผู้แทน ทำงานแทน รับใช้แทนพระองค์ในคริสตจักร
พระเยซูทรงมีอำนาจสูงสุดในคริสตจักร พระองค์ทรงแต่งตั้งผู้แทน ให้ทำงานแทน ให้รับใช้แทนพระองค์
ซึ่งเราเรียกว่า “คณะผู้นำ”
1คร.12:28          และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร คือหนึ่งอัครทูต สองผู้เผยพระวจนะ สามครูบาอาจารย์ แล้วต่อจากนั้นก็มีผู้กระทำการอันเป็นอิทธิฤทธิ์ ผู้รักษาโรค ผู้อุปการะ ผู้ครอบครอง และผู้รู้ภาษาแปลกๆ
ก่อนหน้านี้พระคัมภีร์บันทึกว่า “ผู้เชื่อทุกคน” เป็นอวัยวะในพระกาย
แต่พระวจนะข้อนี้บันทึกว่า “พระเจ้าได้ทรงตั้งบางคนไว้” ทำงานแทนพระองค์
พระเจ้าไม่ได้ทรงเลือกที่รัก มักที่ชัง แต่พระเจ้าทรงสัพพัญูญู
ตำแหน่งอัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ครูบาอาจารย์ ฯลฯ มี “บางคน” เท่านั้นที่พระเจ้าตั้ง ไม่ใช่ “ทุกคน”
เมื่อพระเจ้าตั้ง พระเจ้าทราบว่าเขาทำได้ ถ้าเขาจะทำ
และถ้าเขาทำไม่ได้ พระเจ้าจะเสริมส่วนที่เขาทำไม่ได้ ให้เขาทำได้
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -13-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

อฟ.4:11             ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
“ของประทาน” ของพระเจ้าในรูปแบบบุคคลนี้ ไม่ใช่ของประทานระดับคริสตจักรท้องถิ่น
แต่เป็นของประทานในระดับโลก คือ อยู่ในส่วนใดของโลกก็สามารถใช้ของประทานนี้ได้
อัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ ศิษยาภิบาล และอาจารย์
ทั้งหมดเป็นของประทานจากพระเจ้าที่ให้คริสตจักร
ดังนั้น ตัวแทนของพระเจ้า จึงมีคุณค่ามาก แต่เราต้องถามว่าเราเห็นคุณค่าท่านหรือไม่?
กว่าพระเจ้าจะได้ผู้นำที่เข้มแข็งในแต่ละรุ่น ต้องใช้เวลานานมาก และหลายคริสตจักรก็ไม่ได้มีของประทานเหล่านี้
ดังนั้น เราก็ต้องเห็นคุณค่าของผู้รับใช้ให้มาก

ของประทานนั้นพระเจ้าให้ และพระเจ้าให้เป็น ... ถ้าพระเจ้าไม่ให้เป็น ก็เป็นไม่ได้
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ขับรถได้ แต่น้อยคนจะขับรถเป็น
หลายคนทำหน้าที่ศิษยาภิบาล แต่ไม่เคยอภิบาลศิษย์
เขาทำหน้าที่ได้ แต่ไม่ได้เป็นของประทานที่มาจากพระเจ้า
คริสตจักรใดที่ไม่มีของประทาน 1 ใน 5 ยากที่จะเป็นคริสตจักรที่เติบโต

ผู้ที่ให้เป็น ผู้ที่ให้ของประทาน คือ พระเจ้า แต่พระเจ้าจะให้ใครเป็นก็ต่อเมื่อเขายอมต่อพระองค์
ต้องบอกได้เหมือนอิสยาห์บอกพระเจ้าว่า ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด
อสย.6:8             และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา" แล้วข้าพเจ้า ทูลว่า "ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด"
ใบถวายตัวของผู้รับใช้พระเจ้า คือ การเซ็นต์ชื่อลงในกระดาษเปล่า
ให้พระเจ้าเป็นผู้กำหนดหรือเขียนคำสั่งให้กับเรา

ในคริสตจักรของพระเจ้า ต้องมีพระเจ้า ต้องมีผู้เชื่อ และต้องมีคณะผู้นำ
สุภาษิตโบราณว่า ตัดมือรักษาแขนได้ ตัดแขนรักษาตัวได้ แต่เราไม่สามารถตัดหัวได้
หัว หมายถึง ผู้นำ มีความสำคัญต่อทุกองค์กร คริสตจักรก็เช่นกัน ผู้นำมีความสำคัญมาก
และต้องเป็นผู้นำที่พระเจ้าแต่งตั้งเท่านั้น
ไม่ได้หมายถึง ผู้นำ จะไม่มีวันทำผิด แต่เมื่อผู้นำทำผิด คณะผู้นำจะตัดสินกันเอง ไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิก
และผู้นำนั้น ถ้าไม่ทำงานก็จะสูญเสียความเป็นผู้นำทันที

3.5 ในคริสตจักร มีคณะผู้นำหลายระดับ
ข้อก่อนหน้านี้ เราจะเห็นว่าพระเจ้าแต่งตั้งตัวแทนเพื่อทำงานแทนพระเจ้า
คือ คณะผู้นำ คณะผู้รับใช้ หรือ คณะศิษยาภิบาล
แต่ในคริสตจักรนั้น มีผู้นำหลายระดับที่ร่วมกันทำงาน
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -14-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

พระเยซูทรงเลือกอัครสาวก 12 คน แต่ใน 12 คนนั้น พระเยซูทรงเลือก 3 คน เป็นผู้นำหลัก
คือ เปโตร ยากอบ และยอห์น
จะเห็นว่าเมื่อพระเยซูจะทำการอัศจรรย์ หรือสำแดงพระองค์
ไม่ใช่สาวกทุกคนจะเข้าไปได้ มีเพียง 3 ท่านดังกล่าวเท่านั้นที่พระเยซูทรงอนุญาต
เป็นการที่พระองค์ทรงสอนเราอย่างเป็นนัยยะว่า เมื่อพระเยซูเสด็จสู่สวรรค์แล้ว
ต้องมีตัวแทนที่เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ...

นอกจากพระเจ้าจะทรงตั้งคณะผู้นำหลัก เพื่อดูแลด้านจิตวิญญาณในคริสตจักรแล้ว
พระองค์ยังทรงมีคณะผู้ปกครอง หรือคณะมัคนายกที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนผู้นำหลักด้วย
แต่เราต้องเรียงลำดับให้ถูกต้อง อย่ากลับหัวกลับหาง
หลายคริสตจักรไม่ได้ตั้งอยู่บนคำสอนอันมีหลัก ก็ให้คณะผู้ปกครองหรือมัคนายกเป็นผู้นำสูงสุด
กำหนดเงินเดือนศิษยาภิบาล เป็นต้น เอาอำนาจการเงินอยู่เหนืออำนาจฝ่ายจิตวิญญาณ
คริสตจักรก็ไม่สามารถเติบโตเท่าที่ควร และคนเก่งก็ไม่อยากทำงานรับใช้พระเจ้า

พระคัมภีร์เกี่ยวกับคณะผู้ปกครองในคริสตจักร
หน้าที่หลักของคณะผู้นำ คณะผู้รับใช้ และคณะศิษยาภิบาล คือ งานด้านจิตวิญญาณ
ส่วนคณะผู้ปกครองและคณะมัคนายก เป็นผู้ช่วยงานด้านธุรการ
แบ่งงานกันทำตามความเหมาะสม คริสตจักรก็เจริญเติบโต
กจ.11:30           เขาจึงได้ทำดังนั้น และฝากไปกับบารนาบัสและเซาโลเพื่อนำไปให้พวกผู้ปกครอง
กจ.15:1-2          มีบางคนลงมาจากแคว้นยูเดียได้สั่งสอนพวกพี่น้องว่า ถ้าไม่เข้าสุหนัตตามจารีตของโมเสส จะรอดไม่ได้ เมื่อเกิดการโต้แย้งและไล่เลียงกัน ระหว่างเปาโลและบารนาบัสกับคนเหล่านั้นแล้ว เขาทั้งหลายได้ตั้งเปาโลและบารนาบัสกับคนอื่นๆในพวกนั้นให้ขึ้นไปหารือกับอัครทูตและผู้ปกครองในกรุงเยรูซาเล็ม ในเรื่องที่เถียงกันนั้น

1ทธ.5:17           จงถือว่าผู้ปกครองที่ปกครองดีนั้นสมควรได้รับเกียรติสองเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองที่เทศนาและสั่งสอน
ผู้ปกครองมีหน้าที่หนุนใจ ให้ความอบอุ่น ให้คำปรึกษา ไม่จำเป็นต้องเทศนาได้
แต่ผู้ปกครองท่านใด ทำหน้าที่เทศนาได้ด้วย ก็ยิ่งรับเกียรติสองเท่า

ยก.5:14             มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
คณะผู้นำ หรือ 5 ขุนพลของประทานจากพระเจ้า เป็นผู้นำระดับสากล
แต่คณะผู้ปกครอง ทำงานในระดับท้องถิ่น เป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาล


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -15-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

คุณสมบัติของคณะผู้ปกครองและมัคนายก
1ทธ.3:1-10        คำนี้เป็นคำจริง คือว่าถ้าผู้ใดปรารถนาหน้าที่ผู้ปกครองดูแลคริสตจักร ผู้นั้นก็ปรารถนากิจการงานที่ประเสริฐ ผู้ปกครองดูแลนั้นต้องเป็นคนที่ไม่มีใครติได้ เป็นสามีของหญิงคนเดียว เป็นคนรู้จักประมาณตน มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนสง่าเรียบร้อย มีอัชฌาสัยรับแขกดี เหมาะที่จะเป็นครู ไม่ดื่มสุรามึนเมา ไม่เป็นนักเลงหัวไม้ แต่เป็นคนสุภาพ ไม่เป็นคนชอบวิวาท ไม่เป็นคนเห็นแก่เงิน ต้องเป็นคนครอบครองบ้านเรือนของตนได้ดี อบรมบุตรธิดาของตนให้อยู่ในโอวาทและมีใจนอบน้อม เพราะว่าถ้าชายคนใดไม่รู้จักครอบครองบ้านเรือนของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าอย่างไรได้ อย่าให้ผู้ที่กลับใจใหม่ๆเป็นผู้ปกครองดูแล เกรงว่าเขาอาจจะยโส แล้วก็จะถูกปรับโทษเหมือนอย่างมารนั้น นอกนั้นเขาจะต้องเป็นที่นับถือของคนภายนอก มิฉะนั้นจะเป็นที่ติเตียนและจะติดบ่วงแร้วของมาร ฝ่ายมัคนายกนั้นก็เช่นเดียวกันคือต้องเป็นคนเอาการเอางาน ไม่เป็นคนสองลิ้น ไม่ดื่มสุรามึนเมา ไม่เป็นคนโลภมักได้ และเป็นคนยึดมั่นในข้อล้ำลึกแห่งความเชื่อ ด้วยจิตสำนึกว่าตนชอบ จงลองดูคนเหล่านี้เสียก่อนด้วย และเมื่อเห็นว่าไม่มีข้อตำหนิแล้ว จึงตั้งเขาไว้ในตำแหน่งมัคนายก

ทต.1:5              เหตุที่ข้าพเจ้าละท่านไว้ที่เกาะครีต ก็เพื่อท่านจะได้แก้ไขสิ่งที่ยังบกพร่องให้เรียบร้อย และตั้งผู้ปกครองไว้ทุกเมืองที่ข้าพเจ้ากำชับท่าน
ที่มาของคณะผู้ปกครอง คือ การแต่งตั้งจากคณะผู้นำ ไม่ใช่มาจากการเลือกตั้ง
ในคริสตจักรของพระเจ้าไม่มีการเลือกตั้ง มีแต่การแต่งตั้ง
และผู้รับการแต่งตั้งต้องมีคุณสมบัติดังที่พระวจนะได้บันทึกไว้ข้างต้น ภาพรวมต้องเป็นคนดี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น