คำเทศนา อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. 09 “รอบบ่าย” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
เรื่อง “ คำถาม และคำสั่งสุดท้าย ” จาก “ ยน.21:15-19 ”
ยน.21:15-19 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ" เขาทูลพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด" พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงดูแลแกะของเราเถิด" พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า "เจ้ารักเราหรือ" เขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด (ที่พระองค์ตรัสอย่างนั้น เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการตายอย่างไร) ครั้นพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้วจึงสั่งเปโตรว่า "จงตามเรามาเถิด"
พระวจนะในตอนนี้ เป็นคำถามและเป็นคำสั่งสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่ตรัสกับเปโตร ก่อนที่พระองค์จะเสด็จสู่สวรรค์ หลังจากที่ฟื้นคืนพระชนม์มาใช้ชีวิตร่วมกับสาวกเป็นเวลา 40 วัน (กจ.1:3)
คำถาม และคำสั่งสุดท้ายของใคร แสดงว่า เป็นคำถามและคำสั่งที่สำคัญและมีค่าที่สุด เพราะนั่นหมายถึง ทั้งคู่อาจจะต้องจากกันไปและไม่ได้เจอกันอีกเลย
คำถาม และคำสั่งสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อเปโตร สำคัญและมีผลต่ออาณาจักรของพระเจ้า เป็นพรและเป็นประโยชน์สำหรับโลกใบนี้ รวมถึงโลกนิรันดร์กาลด้วย
คำถามและคำสั่งสุดท้ายของพระเยซู คือ
1. พระเยซูตรัสถามเปโตรว่า “เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ?” เปโตรตอบว่า “ข้าพระองค์รักพระองค์”
ยน.21:15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ" เขาทูลพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด"
1.1 พระเจ้าทรงทราบว่า เปโตรนั้น ทั้งปากและใจตรงกัน
ที่พระเยซูถามว่ารักพระองค์มากกว่าเหล่านี้หรือ?
“เหล่านี้หรือ” หมายถึง ปลาทั้งหมด เรือทั้งหมด อัครทูตทั้งหมด
เปโตร รักมันมากกว่าพระเยซูหรือไม่?
และคำถามนี้มาถึงเราทุกคน เรารักเกียรติ ตำแหน่ง ทรัพย์สินเงินทอง มากกว่าพระเยซูหรือไม่?
ในเรื่องนี้เราจะสอบตก หรือสอบผ่านก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเรา
พระเยซูถามว่า “เจ้ารักเราหรือ” และเปโตรตอบว่า “ข้าพระองค์รักพระองค์”
การที่เปโตรตอบพระเยซูว่า “พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์”
หมายถึง ท่านทราบว่าพระเจ้าทรงเข้าใจ
คำตอบของเปโตรที่ตอบพระเยซูนั้น เล็งให้เห็นถึงปากและใจที่ตรงกันของท่าน
รม.10:8 แต่ความชอบธรรมนั้นว่าอย่างไร ก็ว่า "ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้ท่าน อยู่ในปากของท่าน และอยู่ในใจของท่าน (คือคำซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อที่เราทั้งหลายประกาศอยู่นั้น) คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. 09 “รอบบ่าย” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
รับด้วยปาก เชื่อด้วยใจ เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่รักพระเจ้า
พระเจ้าดูทั้งภายในใจเรา และดูที่ปากเราด้วย พระเจ้ามีหูทิพย์ ตาทิพย์
สำหรับเปโตรนั้น ความรักพระเจ้า ไม่ได้อยู่ในใจและที่ปากเท่านั้น แต่อยู่ที่การกระทำด้วย
ยน.6:68 ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์
ลก.22:33 ฝ่ายท่านจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ ถึงจะต้องติดคุกหรือถึงความตายก็ดี"
เปโตรพูดจากใจและเต็มใจ แต่เมื่อยังไม่เข้มแข็งพอ ก็ไม่สามารถทำอย่างที่พูดได้
พระเยซู จึงสอนเราเรื่องความรักต้องอดทนนาน
พระองค์ไม่เพียงสอนด้วยปากเท่านั้น แต่ยังอดทนกับเรานานด้วย
ลก.22:61-62 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวดูเปโตร แล้วเปโตรก็ระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แก่เขาว่า "วันนี้ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง" แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์นัก
แม้เปโตรจะแพ้ต่อการทดลอง ปฏิเสธพระเยซู แต่เมื่อท่านสำนึกได้ ท่านก็ร้องไห้เสียใจ
คนทำผิด สำนึกผิดแล้วแก้ไข นอกจากรับการอภัยแล้ว ก็รับการชื่นชมจากพระเจ้าด้วย
พระเจ้าทรงทราบแก่นแท้ของคน
เปโตรพิสูจน์ได้ว่า รักพระเจ้าทั้งใจและปาก ในขณะที่บางคนใจรักแต่ปากไม่รัก
ใจรักพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องมีกิริยาและการกระทำด้วย
จำไว้ว่า “ความรักที่ไม่แสดงออก คือ การฆาตกรรม”
1.2 พระเจ้าตรัสถามย้ำอีกครั้ง เป็นการสอนว่า “ถ้ารักพระเจ้า ต้องรักสิ่งที่พระองค์รักด้วย”
ยน.21:16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงดูแลแกะของเราเถิด"
การตรัสคำถามซ้ำๆ กันหลายครั้ง เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่า ถ้าเราตอบว่ารักพระเจ้า เราต้องรักสิ่งที่พระองค์ทรงรักด้วย
เป็นธรรมดา ใครที่รักเรา ต้องรักสิ่งที่เรารักด้วย
ถ้าเรารักพระเจ้า เราก็ต้องรักสิ่งที่พระองค์ทรงรักด้วยเช่นกัน
ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าทรงรักคนทั้งโลก เราต้องรักเพื่อนมนุษย์ด้วยเช่นกัน
คนที่น่ารักไม่ยากในการทำใจให้รัก แต่คนไม่น่ารัก เราจะรักได้ก็ต่อเมื่อเรามีความเติบโตฝ่ายวิญญาณ
มธ.25:35-40 เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้เราเปลือยกายท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วยท่านก็ได้มาเยี่ยมเอาใจใส่เรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในพันธนาคาร ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา"เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือทรงกระหายน้ำ และได้จัดมาถวายแด่พระองค์แต่เมื่อไรที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลก หน้า และได้ต้อนรับไว้ หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไรที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ใน
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. 09 “รอบบ่าย” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
พันธนาคาร และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร"แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย"
พระเยซูทรงรักมนุษย์ทุกคน ไม่ว่ายากจนหรือมั่งมี
การที่เรากระทำกับคนที่เล็กน้อยที่สุด เช่น โง่ที่สุด จนที่สุด
ก็เหมือนกระทำกับพระเจ้า เพราะมนุษย์ทุกคนมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า
1.3 ถ้าจะทำอะไร ต้องทำด้วยความรักต่อพระเจ้า
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องทำด้วยความรักที่เรามีต่อพระเจ้า
ความรักนั้น จะทำให้สิ่งที่เราทำมั่นคง และคนที่กระทำจะมีความสุข
สามารถทนต่อแรงเสียดทานต่างๆ ได้ โดยไม่ย่อท้อ
1ปต.3:15 แต่ในใจของท่าน จงเคารพนับถือ พระคริสต์ว่าเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้า...
ทำทุกอย่างเริ่มต้นที่รักพระเจ้า มีพระเจ้าเป็นเจ้านายเจ้าชีวิต
เมื่อเราในทำด้วยความรัก แม้เหนื่อย เราก็สุข แม้ท้อแท้ แต่เราก็ไม่ท้อถอย
ความรู้สึกของมนุษย์มีด้วยกันทุกคน แต่จำไว้ว่าเรามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะพระเจ้า
เราต้องมีความจงรักภักดีต่อพระเยซู
กท.2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า
มีชีวิตอยู่ด้วยความศรัทธาในพระเจ้า รักในพระเจ้า
ที่เหนื่อยทุกวันนี้ ที่ทำทุกวันนี้ ก็เพราะศรัทธาต่อพระเยซู
เคารพต่อคำสั่งของพระเยซู ตราบใดที่มีชีวิต ตราบนั้นขอให้เราเป็นประโยชน์ต่องานของพระเจ้า
เมื่อใดก็ตามที่เรารักพระเจ้าได้สุดใจ เมื่อนั้นเราจะสามารถรักมนุษย์ได้หมดใจเช่นกัน
ความรู้สึกของมนุษย์หลายครั้งเรารักไม่ได้ รักไม่ลง แต่เพื่อพระเจ้า เราต้องตัดสินใจรัก
“ความรัก” ตรงนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องของอารมณ์ แต่เป็นเรื่องของเจตนารมณ์
ความรักที่แท้จริง ไม่มีเหตุผล ... ความรักที่แท้จริง ไม่มีคำว่า “เพราะว่า” มีแต่คำว่า “แม้ว่า”
รักแท้เป็นเรื่องของหัวใจ ไม่มีเงื่อนไขใดมาบังคับ เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรักเรา ทั้งๆ ที่เราไม่น่ารัก
1.4 ถ้าจะทำอะไรอย่าทำเพราะกฎเกณฑ์ แต่ให้ทำด้วยคุณธรรมที่มาจากความรัก
ความรัก ทำให้สิ่งที่ทำ มีคุณค่า
คนที่ทำอะไรตามกฎเกณฑ์ ทำเพราะถูกบังคับ แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่มีค่าอะไร
1คร.13:1-3 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ ได้ เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรักข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียงแม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ และเข้าใจในความล้ำลึกทั้งปวงและมีความรู้ทั้งสิ้น และมีความเชื่อมากยิ่งที่สุดพอจะยกภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลยแม้ข้าพเจ้าจะสละของสารพัดหรือยอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย แต่ไม่มีความรัก จะหาเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าไม่
การตัดสินใจรัก ต้องฝืนความรู้สึก ต้องเอาชนะตัวเอง
ความรักแท้ไม่อาศัยอารมณ์ แต่เกิดจากเจตนารมณ์ เหมือนคนที่รักชาติ จะยอมตายเพื่อชาติ
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. 09 “รอบบ่าย” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
โลกใบนี้จะรอดได้ อยู่ที่เรายอมทำตามคำสั่งของพระเจ้าหรือไม่?
ถ้าเรารักพระเจ้า เราทำได้ทุกอย่าง และการทำอะไรด้วยความรัก คุณค่าของสิ่งที่ทำมันสูงมาก
2. คำสั่งสำคัญของพระเยซูคริสต์ คือ ถ้ารักพระเจ้า ก็ต้องเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์
ยน.21:15-17 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเรามากกว่าเหล่านี้หรือ" เขาทูลพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด"พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงดูแลแกะของเราเถิด" พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สามว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เปโตรก็เป็นทุกข์ใจที่พระองค์ตรัสถามเขาครั้งที่สามว่า "เจ้ารักเราหรือ" เขาจึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพระองค์รักพระองค์" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงเลี้ยงแกะของเราเถิด
พระวจนะทั้ง 3 ข้อ พระเยซูคริสต์ย้ำว่า ถ้ารักพระเจ้า ต้องเลี้ยงแกะของพระองค์ด้วย
พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างในการเลี้ยงแกะให้กับเรา
ถ้าเรารักพระองค์ เราก็ต้องเลี้ยงแกะตามอย่างที่พระองค์ทรงเลี้ยงด้วย
ยน.10:11 เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนั้นย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ
ยน.10:15 ดังที่พระบิดาทรงรู้จักเราและเรารู้จักพระบิดา และชีวิตของเรา เราสละเพื่อแกะ
ผู้เลี้ยงที่ดี ไม่เพียงเลี้ยงแกะเท่านั้น แต่ต้องยอมแม้กระทั่งสละชีวิตของตนเพื่อแกะด้วย
“สละชีวิต” คือ สละความสะดวกสบายของชีวิต สละความสุขส่วนตัวของชีวิตเพื่อแกะ เป็นต้น
2.1 หลักการเลี้ยงแกะ
ผู้เชื่อทุกคน มีส่วนในการเลี้ยงแกะของพระเจ้าได้ ถ้าเรารักพระเจ้าจริง
พระเจ้าใช้คำว่า “จง” เลี้ยงดูแกะของเรา ... “จง” หมายถึง ทางแห่งพระพรและบำเหน็จจากพระเจ้า
ก. การเลี้ยงแกะด้วยตัวเอง
การเลี้ยงดูทั้งฝ่ายร่างกาย จิตใจ และด้านจิตวิญญาณ
การเลี้ยงแกะด้วยตัวเองนี้ ทำให้เราได้รับพระพรและพระพรจากพระเจ้ามหาศาล
ข. การเลี้ยงแกะด้วยการถวายทรัพย์
การถวายทรัพย์ในที่นี้ ต้องเป็นทรัพย์ที่นอกเหนือจากสิบลด (เพราะนั่นเป็นหน้าที่ๆ เราทุกคนต้องถวายคืนพระเจ้า)
ทรัพย์นี้จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลผู้รับใช้พระเจ้าที่มีส่วนโดยตรงในการเลี้ยงดูแกะของพระเจ้า
สมัยนี้แกะต้องการให้เลี้ยงทุกด้าน รวมทั้งด้านร่างกาย (การเงิน) ของแกะด้วย
ฟป.1:5 เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกัน ตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้
ฟป.4:10 ข้าพเจ้ามีใจชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง เพราะว่าในที่สุดท่านก็ได้ฟื้นการระลึกถึงข้าพเจ้าอีก ท่านคิดถึงข้าพเจ้าจริงๆแต่ยังหาโอกาสไม่ได้
คริสเตียนในคริสตจักรฟิลิปปี มีส่วนในการถวายเพื่อการประกาศและการเลี้ยงดูแกะของเปาโล
การเลี้ยงดูจิตวิญญาณของคน ถือเป็นการสร้างคนดีให้กับสังคม
เมื่อสังคมมีคนดี สังคมก็ดีด้วย แต่การเลี้ยงดูก็จำเป็นต้องใช้ทรัพย์
ดังนั้น ผู้ที่เลี้ยงแกะด้วยตัวเองและผู้ที่ถวายทรัพย์ ทั้งสองจึงถือว่ามีส่วนในการเลี้ยงแกะของพระเจ้า
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. 09 “รอบบ่าย” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
2.2 ถ้ารักพระเจ้า ต้องเลี้ยงแกะด้วยความรัก
ก. รัก แม้แกะจะไม่น่ารัก
แม้หลายครั้ง แกะแทนที่จะน่ารัก กลับน่ารำคาญ น่าปวดหัว น่าเบื่อ
เรารักทุกคน แต่ยากที่จะสามารถชื่นชมยินดีได้กับทุกคน
แต่ผู้ที่รักพระเจ้า จะตระหนักถึงคำสั่งของพระองค์ ... “ถ้ารักพระเจ้า จงเลี้ยงแกะของพระองค์”
เพราะเรารักพระเจ้า เราจึงเลี้ยงแกะ เราจึงรักแกะ
เราต้องสวมหัวใจเดียวกับพระเจ้า คือ รักแกะทุกคน รักเหมือนพ่อแม่ที่รักลูก
แม้ลูกจะทำให้โกรธ เจ็บปวด หรือเสียใจ ... พ่อแม่ไม่มีวันหมดรักลูก
พระเจ้าก็เช่นกัน ไม่มีวันหมดรักแกะ เราเองก็ต้องสวมหัวใจเช่นเดียวกันนั้น
ข. รักและเลี้ยงแกะด้วยความรัก แม้เราจะเหนื่อย หน่ายและหนัก
แม้แกะจะสร้าง 3 น. ให้กับผู้เลี้ยง คือ เหนื่อย หน่าย และหนัก
เรายังต้องเลี้ยงแกะด้วยความรัก และต้องเลี้ยงด้วยความสุขใจ เพราะเราทำด้วยใจที่รักพระเจ้า
ลก.15:5 เมื่อพบแล้วเขาก็ยกขึ้นใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์
เมื่อพบแกะที่หลงไป ให้แบกกลับด้วยความยินดี แม้เหนื่อยและหนักก็ตาม
กท.6:1-2 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย แม้จับผู้ใดที่ละเมิดประการใดได้ ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยผู้นั้นด้วยใจอ่อนสุภาพให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกชักจูงให้หลงไปด้วย จงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์
เมื่อแกะทำผิด เราต้องช่วยให้เขากลับตั้งตัวใหม่ได้
การเลี้ยงแกะไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย เหมือนการเลี้ยงลูก พ่อแม่ทุกคนย่อมเข้าใจข้อนี้ดี
ขนาดลูกเราแท้ๆ เลือดเราแท้ๆ ยังเลี้ยงยาก แล้วแกะของพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่ลูกของเราจริงๆ จะยากขนาดไหน?
สอนเท่าไร ไม่ค่อยจำ สอนเท่าไร ไม่ค่อยทำ จะดุหรือด่ามากก็ไม่ได้
ใส่ใจมาก ก็หาว่าเราเอาใจ ใส่ใจน้อย ก็หาว่าเราไม่สนใจ
แต่ถ้าเราทำด้วยความรักที่มีต่อพระเจ้า ไม่ว่าหนักแค่ไหน เราก็มีความสุข
ถ้าเรารักพระเจ้าจริง แม้เราจะเหนื่อยในการเลี้ยงแกะ
แต่เราจะไม่ท้อ ไม่สิ้นหวัง ไม่หยุดที่จะรักและเลี้ยงดูเขาต่อไป
คส.1:18-19 พระองค์นั้นแหละเราประกาศอยู่ โดยเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนให้มีสติปัญญาทุกอย่าง เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์ เพื่อเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงตรากตรำทำงานด้วยความอุตสาหะ เข้มแข็งด้วยพลังที่พระองค์ทรงดลใจข้าพเจ้าอยู่
เปาโล เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เราในเรื่องนี้ อดทน ตรากตรำ ทำเพื่อให้แกะเติบโต
3. รักพระเจ้า ไม่เพียงเลี้ยงแกะของพระองค์เท่านั้น แต่ต้องดูแลแกะด้วย
ยน.21:16 พระองค์ตรัสกับเขาครั้งที่สองว่า "ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย เจ้ารักเราหรือ" เขาทูลตอบพระองค์ว่า "เป็นความจริงพระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์" พระองค์ตรัสกับเขาว่า "จงดูแลแกะของเราเถิด"
ในการถามเปโตร ครั้งที่ 2 ว่าเจ้ารักเราหรือ? ถ้ารักเรา จงดูแลแกะของพระเจ้าด้วย
คนที่รักพระเจ้านั้น ไม่เพียงต้องเลี้ยงแกะ แต่ต้องดูแลแกะด้วย
“ดูแลแกะ” หมายถึง บริหารและสร้างชีวิตแกะให้เติบโต
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. 09 “รอบบ่าย” -6- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
3.1 ดูแลแกะ คือ เลี้ยงแกะให้เติบโตแข็งแรง ไม่ใช่สักแต่เลี้ยง
ข้าพเจ้าเคยกล่าวบ่อยๆ ว่า พ่อแม่ทุกคนเลี้ยงลูก แต่น้อยคนสร้างลูก
การสร้าง นั่นแหละ คือ การดูแล
พ่อแม่เลี้ยงลูก ต้องมีทั้ง “ไม้รัก” และ “ไม้เรียว”
ถ้าไม่ตีลูก ไม่ฝึกลูก ไม่บริหารลูกๆ ก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและมีคุณภาพ
การดูแลแกะก็เช่นกัน เราต้องฝึกให้เขารู้จักรับผิดชอบและบริหารชีวิตตนเอง
แรกๆ เขาอาจจะไม่ชอบความเข้มงวดของเรา แต่ต่อไปภายหน้า ในอนาคตเขาจะขอบคุณเรา
3.2 ดูแลแกะ คือ สร้างเขา เตรียมเขา เพื่อเขาจะเกิดผล
อฟ.4:12 เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น
งานของผู้เลี้ยง คือ เตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนรับใช้ ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ดูแลแกะ คือ เตรียมชีวิตของแกะให้พร้อมที่จะรับใช้พระเจ้าและรับใช้มนุษย์
5. ผลของการเลี้ยงแกะ รักแกะ ดูแลแกะ และรักพระเจ้า
5.1 เมื่อเราเลี้ยงแกะของพระเจ้า ... พระเจ้าจะเลี้ยงดูเรา
บำเหน็จรางวัลของพระเจ้ามีมากมายสำหรับคนที่เลี้ยงแกะของพระองค์
เราเลี้ยงแกะ พระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูเรา
การที่พระเจ้าจะทรงประทานพระพร พระองค์ทรงทอดพระเนตรที่ใจของเรา
ถ้าเราเลี้ยงแกะ ด้วยใจที่รักและผูกพันกับแกะและพระเจ้า เราจะเป็นผู้รับพระพร
มก.10:29-30 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา ในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูกและไร่นา ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์
ฟป.4:19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
สดด.37:23-26 ถ้าพระเจ้าทรงนำย่างเท้าของมนุษย์คนใด และคนนั้นพอใจในมรรคาของพระองค์แม้เขาล้ม เขาจะไม่ถูกเหวี่ยงลงเหยียดยาวเพราะว่าพระหัตถ์พระเจ้าพยุงเขาไว้ข้าพเจ้าเคยหนุ่ม และเดี๋ยวนี้แก่แล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือลูกหลานของเขาขอทานเขาแจกจ่ายอย่างกว้างขวางและให้ยืมเสมอ และลูกหลานของเขาก็เป็นคำพรจงพรากเสียจากการชั่ว และกระทำความดี และท่านจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
สดด.91:14-16 เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจะช่วยกู้เขา เราจะป้องกันเขาไว้ เพราะเขารู้จักนามของเราเมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะช่วยเขาให้พ้นและให้เกียรติเขาเราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา
5.2 เมื่อเราเลี้ยงแกะ เราจะร่วมในศักดิ์ศรีนิรันดร์กับพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นพระผู้เลี้ยงใหญ่ และพระองค์จะทรงประทานศักดิ์ศรีร่วมกันกับผู้เลี้ยงแกะทุกคน
1ปต.5:2-4 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่านไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใสและไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้นและเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับศักดิ์ศรีเป็นมงกุฎที่ร่วงโรยไม่ได้เลย
นี่คือบำเหน็จและพระพรที่ยิ่งใหญ่สูงสุดของผู้เลี้ยงแกะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น