วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 5

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -29-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 5

2ทธ.4:3-5          เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
            การเข้าใจ และเข้าถึงคำสอนอันมีหลัก จะทำให้ชีวิตคริสเตียนมีหลัก และส่งผลให้การรับใช้พระเจ้าเกิดผล เราจะไม่ถูกซัดไปเซมา หรือหันไปเหมา เพราะลมปากของมนุษย์ แต่เราจะมีจุดยืนบนพระวจนะของพระเจ้า

คำสอนอันมีหลัก ตอน 5 ว่าด้วยเรื่อง “คริสตจักรของพระเจ้า” (ต่อ)
1. คริสตจักรของพระเจ้า มีความสำคัญอย่างไร?
2. คริสตจักรของพระเจ้า มีเพียงคริสตจักรเดียว
3. ผู้สร้าง เจ้าของและผู้ที่ใหญ่ที่สุดในคริสตจักร คือ พระเยซูคริสต์
4. พระเจ้ามอบภารกิจทั้งหมดของพระองค์ให้คริสตจักรทำแทน
5. พันธกิจหลักของคริสตจักร
6. คริสตจักรในพระดำริ มีลักษณะอย่างไร
6.1 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียก
(สอนไปแล้วในตอนที่ 2-4)

6.2 เป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียกให้ออกมาจากความมืด
กลุ่มชนใดที่ยังอยู่ในความมืด กลุ่มชนนั้นไม่ใช่พระกายหรืออาณาจักรของพระเจ้า
คริสตจักรในพระดำริ ต้องเป็นกลุ่มชนที่พระเจ้าทรงเรียกให้ออกมาจากความมืด

“ความมืด” คือ
ก. ความโง่เขลาทุกอย่าง คือ ความมืด
รม.1:20-23         ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไปเขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป และเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าผู้เป็นอมตะมาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์จตุบาท และรูปสัตว์เลื้อยคลาน
แม้คนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ลึกๆ ทุกคนรู้ว่ามีพระผู้สร้าง แต่เพราะไม่รู้จักพระองค์ จึงทำในสิ่งโง่เขลาและไร้สาระ
คิดว่าตนเองเก่ง คิดว่าตนเองมีปัญญา แต่กลับกราบไหว้ดิน หิน ทราย หรือแม้กระทั่งสัตว์
ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราแล้ว เราต้องออกจากความโง่เขลาทุกอย่าง
เราจะออกได้ หลุดได้ พ้นได้ ด้วยคำสอนของพระเจ้า ด้วยพระวจนะของพระองค์
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -30-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ความโง่เขลาจากพระวจนะตอนนี้ (รม.1:20-23) คือ
(1) คิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ
พระเจ้าถือว่า ทุกความคิดที่ไม่เป็นสาระ คือ ความโง่เขลา
เราทุกคนเคยโง่ เคยเสียน้ำตา เสียเวลากับสิ่งไร้สาระมามากมาย
แต่เมื่อมาเป็นลูกพระเจ้าแล้ว เราต้องไม่คิดโง่ๆ แต่คิดอย่างคนฉลาด คิดอย่างคนมีปัญญา
1ทธ.6:9             ส่วนคนเหล่านั้น ที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป
ความคิดที่ไม่เป็นสาระ ทำให้เราโง่เขลา และทำสิ่งที่เป็นภัย รวมทั้งฆ่าตัวเองให้ตายไปด้วย
หลายชีวิตต้องพบกับความพินาศเสื่อมสูญในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เพราะความคิดที่ไม่เป็นสาระนั่นเอง

(2) จิตใจโง่เขลามืดมัว
ลก.9:24-25        เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร
ก่อนเชื่อพระเจ้า จิตใจเราโง่เขลามืดมัว รักตัวเอง เห็นแก่ตัว
ผลคือ เหนื่อยกับการทำงาน และทุกข์กับวัตถุที่หามาได้และที่ต้องหาต่อไป
เราเหนื่อยในการทำงานได้ แต่อย่าทุกข์เพราะการทำงาน อย่าทุกข์เพราะวัตถุ
ชังชีวิต คือ ยอมเสีย เพื่อได้ ยอมให้ เพื่อจะมี ... ยอมลำบากวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีในวันหน้า

เมื่อเราเชื่อในพระเจ้า ความคิดของเราถูกเปลี่ยนใหม่หมด
เมื่อความคิดเปลี่ยน ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปด้วยในทางที่ดีขึ้น
รม.14:17           เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
แก่นสารชีวิตของเรา จากที่เคยกินและดื่ม (รวมถึงปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต)
เปลี่ยนเป็นสันติสุขและความชื่นชมยินดีในพระเจ้า
อย่างที่พระคัมภีร์กล่าวว่า ได้ของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตจะได้ประโยชน์อะไร
มีเงินมากขึ้น แต่ความสุขน้อยลง มีบ้านหลังใหญ่ขึ้น แต่คนในบ้านรักกันน้อย จะมีประโยชน์อะไร
สภษ.15:17        กินผักเป็นอาหารในที่ที่มีความรัก ก็ดีกว่ากินเนื้อวัวอ้วนพร้อมกับความเกลียดชังอยู่ด้วย

เมื่อก่อนเราอยู่กับความคิดที่โง่เขลา ทำให้จิตใจของเรามืดมัวไป
แต่เมื่อเราอยู่กับพระเจ้า อยู่ในคำสอน อยู่ในการสร้างของคริสตจักร
ความคิดของเราเปลี่ยนไป นี่คือ การออกจากความมืดที่แท้จริง

ข. ความเจ็บปวด โรคภัยไข้เจ็บ คือ ความมืด
การมาเชื่อพระเจ้า เป็นการเริ่มต้นใหม่ ในทางพระเยซูคริสต์ เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -31-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

แม้มนุษย์จะเป็นคนบาป แต่พระเจ้าทรงสัญญาแล้วว่า เราจะมีอายุยืนถึง 120 ปี
ปฐก.6:3                        พระเจ้าจึงตรัสว่า "วิญญาณของเราจะไม่สถิตอยู่ในมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง อายุของเขาจะไม่ เกินร้อยยี่สิบปี"
สดด.91:16         เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา
พระสัญญาของพระเจ้า คือ จะให้เราอิ่มใจ สุขใจด้วยอายุยืนยาว
ดังนั้น ความเจ็บปวด โรคภัยไข้เจ็บ จึงถือเป็นความมืดด้วย

พระเจ้ากำหนดเวลาและอายุสำหรับมนุษย์ไว้แล้ว
แต่หลายคนตายก่อนกำหนด เพราะไม่ทำตามพระวจนะของพระเจ้า
เราจะเอาชนะความเจ็บปวด โรคภัยไข้เจ็บได้ ดังนี้
(1) ดูแลสุขภาพตามคู่มือชีวิตของคริสเตียน คือ พระคัมภีร์
ปฐก.1:29-30      พระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด เราให้พืชที่มีเมล็ดทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมัน แก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายบนแผ่นดิน นกทั้งปวงในอากาศ และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินทุกสิ่งทุกอย่างที่มีลม ปราณนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร" ก็เป็นดังนั้น
พระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ พระองค์มีคู่มือในการดูแลเรา นั่นคือ พระคัมภีร์
เราจะอายุยืนยาวได้ ต้องกินตามที่ผู้สร้างได้กำหนดไว้
อาหารหลักที่ทำให้มนุษย์อายุยืน คือ พืชที่มีเมล็ด ต้นไม้ที่มีเมล็ด พืชเขียวสด
โดยสรุป พืช ผัก ผลไม้ คือ อาหารหลักของมนุษย์ ส่วนเนื้อสัตว์ เป็นอาหร
ถ้าเรากินตามนี้ อายุของเราก็จะยืนยาวตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้

(2) เราต้องระวังป้องกันเชื้อโรคและการติดโรค
สิ่งใดที่มนุษย์ทำได้ มนุษย์ต้องทำ พระเจ้าทรงสร้างสมองให้เราคิด สร้างตาให้เราดู
พระเจ้าจะไม่ทำแทนเรา ในสิ่งที่เราสามารถทำได้
เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของเราได้มากที่สุด ทางมือ
ดังนั้น เราต้องระวังและป้องกัน โดยการล้างมือก่อนรับประทานอาหาร เป็นต้น

(3) ปรับอารมณ์และจิตใจให้ดี จะป้องกันโรคได้
โรคภัยไข้เจ็บหลายอย่างเกิดจากภายใน เช่น ความเครียด วิตกกังวล อาฆาตเคียดแค้น
สิ่งเหล่านี้ทำให้เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
แต่คริสเตียนถูกสร้างให้มีอารมณ์และจิตใจที่ดี เช่น เมตตา อภัย ชื่นชมยินดี
สิ่งเหล่านี้ สามารถนำเราออกจากความมืดในด้านของโรคภัยไข้เจ็บได้

ค. ความบาป ความชั่วทุกชนิด คือ ความมืด
ความบาปทุกชนิด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ละเอียดหรือหยาบ ก็ถือเป็นความมืด
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -32-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

กท.5:16-17        แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้
ความบาป ความชั่ว คือ การสนองต่อความต้องการของเนื้อหนัง
การทำความบาป ความชั่ว ถือเป็นการต่อสู้กับพระวิญญาณ และเป็นศัตรูกับพระเจ้า

กท.5:19-21        การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามกการนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกันการอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
พระวจนะข้อนี้ คือ ความบาป ความชั่วของเนื้อหนัง
เราห้ามผู้อื่นไม่ให้ทำสิ่งนี้กับเราไม่ได้ แต่เราต้องห้ามตัวเองไม่ให้ทำสิ่งนี้กับผู้อื่น

อฟ.5:1-8            เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า แต่การเอ่ยถึงการล่วงประเวณี การลามกต่างๆและการละโมบ อย่าให้มีขึ้นในพวกท่านเลย จะได้สมกับที่ท่านเป็นธรรมิกชน ทั้งอย่าพูดหยาบคาย พูดเล่นไม่เป็นเรื่อง และพูดตลกหยาบโลนเกเร ซึ่งเป็นการไม่สมควร แต่ให้ขอบพระคุณดีกว่า ท่านจงรู้แน่ว่า คนล่วงประเวณี คนทุศีล คนละโมบ (ที่เป็นเหมือนคนที่นับถือรูปเคารพ) จะมีส่วนในแผ่นดินของพระคริสต์และพระเจ้าเป็นมรดกก็หามิได้ อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะการกระทำเหล่านั้นเอง พระเจ้าจะทรงลงพระอาชญาแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟัง เหตุฉะนั้นท่านอย่าคบหาสมาคมกับคนเหล่านั้นเลย เพราะว่าเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง
เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราแล้ว เราต้องเป็นบุตรของความสว่าง เดินอยู่ในความสว่าง
ชีวิตคน คือ การเดินทาง และเราต้องเดินทางเส้นนี้ตลอดชีวิต
เดินทางไกลออกจากความมืดเรื่อยๆ ... เดินออก ไม่ใช่ เดินเข้า นี่คือ คริสตจักรในพระดำริของพระเจ้า

1ยน.3:5-9          ท่านทั้งหลายรู้แล้วว่า พระองค์ได้ทรงปรากฏ เพื่อกำจัดบาปของเราให้หมดไป และพระองค์ไม่ทรงมีบาปเลย ผู้ใดที่อยู่ในพระองค์ ผู้นั้นไม่กระทำบาป ส่วนผู้ใดที่กระทำบาป ผู้นั้นยังไม่เห็นพระองค์ และยังไม่รู้จักพระองค์ ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้ใครชักจูงท่านให้หลง ผู้ที่ประพฤติชอบก็ชอบธรรมเหมือนอย่างพระองค์ชอบธรรมผู้ที่กระทำบาปก็มาจากมาร เพราะว่ามารได้กระทำบาปตั้งแต่เริ่มแรก พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมาปรากฏก็เพราะเหตุนี้ คือเพื่อทรงทำลายกิจการของมารผู้ใดบังเกิดจากพระเจ้า ผู้นั้นไม่กระทำบาป เพราะสภาพของพระเจ้าดำรงอยู่กับผู้นั้นและเขากระทำบาปไม่ได้ เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า
ไม่กระทำบาป คือ ไม่มีปกติกระทำบาป
จริงอยู่ที่ว่าเราทุกคนเป็นคนบาป แต่ผู้เชื่อทุกคนจะต้องเป็นผู้ที่ไม่มี “ปกติในการทำบาป”
เมาเป็นปกติ นินทาเป็นปกติ ขโมยเป็นปกติ ต้องไม่มีในผู้เชื่อ
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -33-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เหมือนธรรมชาติของแมว ชอบความแห้ง ถ้าตัวมันเปี๊ยกปุ๊บ มันจะรีบสลัดและเลียขนให้แห้งทันที
เพราะความเปียกไม่ใช่ธรรมชาติของมัน
ลูกพระเจ้าก็เช่นเดียวกัน อาจจะเผลอทำผิดไปบ้าง แต่เมื่อผิดแล้วเราจะรีบกลับตัวกลับใจ
คริสเตียนพูดผิด คิดผิดได้ แต่ต้องเป็นผู้ที่สำนึกผิดด้วย

ง. ผีมาร ฤกษ์ยาม เวทมนต์ คนทรง หมอดู รูปเคารพ คือ ความมืด
กจ.26:18           เพื่อจะให้เจ้าเบิกตาของเขา เพื่อเขาจะกลับจากความมืดมาถึงความสว่าง และจากอำนาจของซาตานมาถึงพระเจ้า เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษความบาปผิดของเขา และให้ได้รับที่ซึ่งจะได้ด้วยกันกับคนทั้งหลาย ซึ่งถูกชำระให้เป็นผู้ชอบธรรมแล้วโดยความเชื่อในเรา
อำนาจของมาร คือ ความมืด ไม่ว่าจะเป็นฤกษ์ยาม เวทมนต์ คนทรง หมอดู รูปเคารพ หรืออื่นๆ ในทำนองนี้
พระเจ้าได้ทรงเรียกเราออกจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว
ลูซิเฟอร์ ไม่ใช่พระเจ้า คนทรง ไม่ใช่พระเจ้า หมอดู ไม่ใช่พระเจ้า
พระเจ้าเที่ยงแท้มีแต่องค์เดียว เมื่อพระเจ้านำเราออกมาแล้ว อย่าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจของมารอีก

อพย.20:4-6        อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไป ถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน
ถ้าเราสังเกตดูให้ดี ประเทศใดในโลกที่กราบไหว้รูปเคารพ ประเทศนั้น จะถึงความเสื่อม
พระวจนะศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงเตือนแล้วว่าโทษสำหรับคนไหว้รูปเคารพจะมีถึงสามสี่ชั่วอายุคน
แล้วถ้าไหว้ต่อๆ กันมาเป็นเวลานาน โทษจะทวีคูณขึ้นมาแค่ไหน

ลนต.20:1-8        พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า คนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวคนใดที่อาศัยอยู่ในอิสราเอล ผู้ที่มอบลูกหลานของตน ให้แก่พระโมเลค ผู้นั้นต้องมีโทษถึงตาย ให้ราษฎรเอาหินขว้างเขาเสียให้ตาย ตัวเราเองจะหมายหน้าผู้นั้นไว้ และจะอเปหิเขาจากท่ามกลางชนชาติของตน เพราะว่าเขาได้ให้ลูกของเขาคนหนึ่งแก่ พระโมเลคกระทำให้สถานศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นมลทิน และกระทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่เหยียดหยาม และถ้าราษฎรหลับหูหลับตา เรื่องชายคนที่ให้ลูกหลานแก่พระโมเลคนั้นเสีย ไม่ขว้างเขาให้ตาย เราจะหมายหน้าชายคนนั้น และสู้กับครอบครัวของเขา และอเปหิเขาเสียจากชนชาติของตน ทั้งตัวเขาก็ดีและผู้ใดที่ ทำตามเขาในการเล่นชู้กับพระโมเลคนั้นก็ดี ผู้ใดใฝ่หาคนทรงผีหรือพ่อมดแม่มด เล่นชู้กับเขา เราจะหมายหน้าผู้นั้น และอเปหิเขาเสียจากชนชาติของตน เหตุฉะนั้นเจ้าจงชำระตัวให้บริสุทธิ์เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า จงรักษากฎเกณฑ์ของเราและกระทำตาม เราคือพระเจ้าผู้ตั้งเจ้าไว้ให้บริสุทธิ์
พระเจ้าตรัสกับอิสราเอล ... คริสเตียนก็ถือเป็นอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้น พระดำรัสนี้จึงถือว่าตรัสกับคริสเตียนทุกคนด้วย
พระโมเลค คือ ตัวแทนของรูปเคารพ
พระเจ้าทรงหมายหน้าผู้ที่ไหว้รูปเคารพนั้น เขาเป็นเหมือนนักโทษของสวรรค์


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -34-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ความรับผิดชอบของคริสเตียน มีถึงลูกหลานของเราด้วย
ดูแล สั่งสอน ให้เขาจงรักภักดีกับพระเจ้าตั้งแต่เด็ก
เพื่อโตขึ้นมาเขาจะเป็นกำลังหลักของพระเจ้า และไม่เผลอกระทำผิดต่อพระองค์
จำไว้ว่า “รูรั่วนิดเดียว ทำเรือใหญ่จมได้” ความจงรักภักดีที่เรามีต่อพระเจ้า พระองค์จะทำให้เราได้ดี
เล่นชู้ คือ การนอกใจพระเจ้า มีพระอื่น ไหว้รูปเคารพ
พระเจ้าต่อสู้กับทั้งครอบครัวที่ไหว้รูปเคารพ ครอบครัวรับภัย รับโทษจากการไหว้รูปเคารพนั้นด้วย

คส.2:16-23        เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์ อย่าให้ผู้ใดตัดสิทธิ์ของท่าน ด้วยเขาทำทีถ่อมตัวลง กราบไหว้ทูตสวรรค์ ใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต ผยองขึ้นเปล่าๆ ตามความคิดของเนื้อหนัง และไม่ได้ยึดมั่นในพระองค์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ศีรษะนั้นเป็นเหตุให้กายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยง และติดต่อกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆจึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงโปรดให้เจริญขึ้นนั้นถ้าท่านตายกับพระคริสต์พ้นจากภูตผีปิศาจแห่งจักรวาลแล้ว เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆอันเป็นหลักธรรมและคำสอนของมนุษย์ เช่น "อย่าเอามือหยิบ" "อย่าชิม" "อย่าแตะต้อง" เป็นต้น คือกล่าวถึงสิ่งที่ต้องพินาศเมื่อใช้มันจริงอยู่สิ่งเหล่านี้ดูท่าทีมีปัญญา คือการเต็มใจนมัสการ การถ่อมตัวลงและการทรมานกาย แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในการต่อสู้กับความต้องการของเนื้อหนัง
ไม่เพียงรูปเคารพเท่านั้นที่คริสเตียนไม่ควรข้องเกี่ยวด้วย
ฤกษ์ยาม วันเดือนปี การทำนายทายทักต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน ถือเป็นความมืด
ลูกพระเจ้าไม่ต้องกลัวเลข 13 ไม่ต้องกลัวอาถรรพ์ ไม่ต้องกลัวลางร้าย
ไม่ต้องกลัววันเดือนปีเกิด ไม่ต้องพยายามทำให้ตัวเองบริสุทธิ์เพราะการกิน การดื่ม
เช่น การกินเจ หรือกินมังสะวิรัส ไม่ได้หมายถึง ชีวิตของผู้ที่กินจะวิเศษเหนือคนอื่น
เพราะความบริสุทธิ์อยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่ร่างกายหรือการกิน

นอกจากนี้ คริสเตียนไม่กินของไหว้รูปเคารพ ...
เรารู้ว่าความปรารถนาดีของผู้ทำนั้นไม่อาจถึงญาติพี่น้องของเราที่เสียชีวิตไปได้
แต่วิญญาณชั่ว มารซาตานต่างหากที่มากินของไหว้บูชาเหล่านั้น
การที่คริสเตียนกินของไหว้รูปเคารพ เป็นการเสียเกียรติพระเจ้า
เหมือนเราร่ำรวยมาก แต่ลูกไปแย่งเศษอาหารของขอทานกิน
เราจะรู้สึกอย่างไร? พระเจ้าทรงรู้สึกเช่นเดียวกันนั้นแหละ

เว้นแต่ในช่วงเวลานั้นเรากำลังอดตาย แม้แต่ของไหว้ก็กินได้
กินเพื่อกันตาย แต่ไม่ใช่มักง่าย เห็นแก่กิน (อ่าน 1ซมอ.21:1-6 ดาวิดกินขนมปังที่ตั้งถวาย)


คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -35-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

กท.5:1              เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
ความมืด คือ การยึดติดประเพณีที่ไม่เป็นหลักของพระคัมภีร์
สิ่งใดที่คนอื่นเชื่อ เคยเชื่อ เคยปฏิบัติ แต่ผิดจากพระคัมภีร์ เราต้องยึดพระคัมภีร์เป็นหลัก
พระเจ้ามาเพื่อให้เรามีเสรีภาพและไถ่เราเป็นไท เราชอบธรรม เพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์
รม.10:4             เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม
หลายครั้งเราเถรตรงตามตัวอักษร แทนที่จะเป็นไท ก็กลายเป็นทาส
เช่น วันสะบาโตที่จริง คือ วันที่เจ็ดของสัปดาห์ และวันที่เจ็ดของสัปดาห์ คือ วันเสาร์
แต่คริสเตียนใช้วันอาทิตย์ เป็นวันนมัสการ เพราะยึดเอาวันที่พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์
จะนมัสการวันไหนไม่ใช่ปัญหา ขอให้เราได้นมัสการพระเจ้า
เพราะวันอาทิตย์ของซีกโลกหนึ่ง อาจจะเป็นวันเสาร์ของอีกซีกโลกหนึ่งก็ได้
ด้วยอิทธิพลของคริสตจักร ในการนมัสการพระเจ้าวันเสาร์และวันอาทิตย์
ทั้งสองวันนี้ จึงกลายเป็นวันหยุดสากลของคนทั่วโลก

พระวจนะที่ช่วยเมื่อเรากลัวอำนาจซาตาน
สดด.91:1-10      ผู้ที่อาศัยอยู่ณที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด ผู้อยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ จะทูลพระเจ้าว่า "ที่ลี้ภัยของข้าพระองค์และป้อมปราการของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ผู้ที่ข้าพระองค์ไว้ วางใจ"เพราะพระองค์จะทรงช่วยกู้ตัวท่านจากกับของพรานนก และจากโรคภัยอย่างร้ายแรงนั้น พระองค์จะทรงปกท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์ และท่านจะลี้ภัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์ ความสัตย์สุจริตของพระองค์ เป็นโล่และเป็นดั้ง ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลางคืน หรือกลัวลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน หรือโรคภัยที่ไล่มาในความมืด หรือโรคซึ่งทำลายในเที่ยงวัน พันคนจะล้มอยู่ที่ข้างๆ ท่าน หมื่นคนที่มือขวาของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน ท่านจะมองดูด้วยตาเท่านั้น และเห็นการตอบแทนแก่คนอธรรม เพราะท่านได้กระทำให้พระเจ้าผู้เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า คือองค์ผู้สูงสุด เป็นที่อยู่ของท่าน ไม่มีการร้ายใดๆ จะตกมาบนท่าน ไม่มีภัยมาใกล้เต็นท์ของท่าน
ยน.10:28           เราให้ชีวิตนิรันดร์แก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้
ลก.10:19-20       ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลยแต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์"
มธ.28:18           พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้เรายึดพระวจนะของพระเจ้า จะช่วยให้เราผ่านพ้นไปได้

จ. ความยากจนทุกอย่าง คือ ความมืด
ไม่ว่าจะเป็นยากจนทรัพย์สิน ยากจนปัญหา ยากจนความเข้าใจ



คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -36-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ความยากจนทุกอย่าง ถือเป็นความมืด
เพราะพระเจ้ามาเพื่อให้เราได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ยน.10:10           ...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ลูกพระเจ้ามีพอสำหรับตัวและจะมีเหลือสำหรับการดีด้วย

ถ้าเราเชื่อพระเจ้าจริง ความยากจนจะไม่อยู่กับชีวิตของเราแน่
ถ้าเป็นคริสเตียนแล้ว แต่ยังยากจนในสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา แสดงว่า มีบางอย่างผิดปกติในชีวิตเรา
สูตรในการเอาชนะความยากจน คือ
(1) เลิกชั่ว ... เลิกได้ ก็อุดรูรั่วของชีวิต และรูรั่วของทรัพย์สินเงินทอง
(2) เลิกฟุ่มเฟือย ... เลิกได้ ชีวิตก็ไม่เปื่อยเน่า ไม่ใช้เงินเกินความจำเป็น
(3) เลิกขี้เกียจ ... ขยันขึ้น ก็มีทรัพย์สินมากขึ้น
(4) ใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต (เลิกโง่)
(5) มีพระเจ้าอวยอำนวยพระพร

กลุ่มชนที่พระเจ้าเรียกออกมาจากความมืด คือ ออกจากความโง่ ออกจากโรคภัยไข้เจ็บ
ออกจากความบาป ออกจากอำนาจของมาร และออกจากความยากจน
นี่แหละ จึงจะกล่าวได้ว่าเป็นคริสตจักรในพระดำริของพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น