วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ มงคลของชีวิต ” จาก “ กจ.10:1-33 ”

มงคลของชีวิต                                                                                    -1-                                                                โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง มงคลของชีวิต จาก กจ.10:1-33

                มงคลของชีวิต เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ... คู่บ่าวสาวเวลาเข้าพิธีแต่งงานก็จะสวมมงคลบนศีรษะ ยิ่งมงคลนั้นได้รับการสวมจากผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ก็ยิ่งเป็นเกียรติสูง และมีคุณค่าทางจิตใจมากขึ้น
มงคลของชีวิตนี้ ลูกพระเจ้าทุกคนก็ควรที่จะต้องมีและจำเป็นที่จะต้องมีเป็นอย่างยิ่ง มงคลของชีวิตนี้ เราจะรับการสวมจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด คริสเตียนที่ไม่มีมงคลของชีวิต แสดงว่า ดำเนินชีวิตไม่ถูกต้องในทางของพระเจ้า มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นในชีวิตของเขา
                พระวจนะของพระเจ้าในตอนนี้ เป็นเรื่องของนายร้อยโครเนลิอัสที่ได้รับการสวมมงคลของชีวิตจากพระเจ้า ผ่านอัครทูตเปโตรและผ่านการปรากฏตัวของทูตสวรรค์ ซึ่งเป็นบทเรียนที่สอนคนของพระเจ้าได้เป็นอย่างดีว่า เราควรจะมีวิถีชีวิตอย่างไร และใช้ชีวิตของเราอย่างไร จึงจะได้รับมงคลของชีวิตจากพระเจ้า

พระวจนะตอนนี้ สอนเราเรื่องมงคลของชีวิตอย่างไร
1. จะรับมงคลของชีวิตได้ ต้องเป็นคนที่มีความยำเกรงพระเจ้า
กจ.10:1-2               ยังมีชายคนหนึ่งชื่อโครเนลิอัส อาศัยอยู่ในเมืองซีซารียา เป็นนายร้อยอยู่ในกองทหารที่เรียกว่า กองอิตาเลีย ทั้งท่านและครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชน และอธิษฐานพระเจ้าเสมอ
โครเนลิอัส เป็นนายร้อยในสมัยนั้น ก็เทียบได้กับนายพลในสมัยนี้
แต่การที่เราจะรับมงคลของชีวิตนั้น ไม่ได้ขึ้นกับยศ เกียรติหรือตำแหน่งที่ได้รับในชีวิต
แต่ขึ้นอยู่กับ ความยำเกรงพระเจ้า
พระวจนะบันทึกชัดเจนว่าโครเนลิอัส เป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้าและความยำเกรงพระเจ้านี่แหละ
เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับมงคลของชีวิตจากพระเจ้า
ความยำเกรงพระเจ้าของท่าน ส่งผลให้ทั้งครอบครัวของท่านมีความยำเกรงพระเจ้าด้วย
การเป็นคริสเตียนนั้น การมาโบสถ์ การอธิษฐาน การนมัสการ การอ่านพระคัมภีร์ ถือเป็นเรื่องดีที่เราต้องทำ
แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นได้ เพราะความยำเกรงพระเจ้า ... ถ้าเราปราศจากความยำเกรงพระเจ้า สิ่งที่ทำไปไม่มีวันเกิดผล
ความยำเกรงพระเจ้า ไม่ใช่ความรู้สึกหรืออารมณ์ แต่ความยำเกรงนั้นต้องเป็นชีวิตของเรา
ความถ่อมของคนเรา ไม่ได้วัดกันที่กิริยาภายนอก แต่วัดกันที่จิตใจภายใน
บางคนหน้าตาถ่อม แต่จิตใจเหี้ยม บางคนมารยาทเรียบร้อย แต่วาจาทำร้ายทำลายคน
แต่สำหรับผู้ที่มีความยำเกรงพระเจ้านั้น ดีจากภายในและส่งผลให้ภายนอกดีด้วย
สภษ.8:13                ความยำเกรงพระเจ้าเป็นความเกลียดชังความชั่วร้ายเราเกลียดความเย่อหยิ่งและความจองหอง และทางของความชั่ว ร้ายกับวาจาตลบตะแลง
ความยำเกรงพระเจ้า ต้องส่งผลให้ผู้ยำเกรงนั้น เกลียดชังความชั่วร้าย เป็นศัตรูและเป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
ความยำเกรงพระเจ้า ต้องส่งผลให้ผู้ยำเกรงนั้น เป็นคนถ่อมใจ เป็นศัตรูและเป็นปฏิปักษ์ต่อความเย่อหยิ่ง
ความยำเกรงพระเจ้า ต้องส่งผลให้ผู้ยำเกรงนั้น เป็นคนมีวาจาที่เชื่อถือได้ เป็นศัตรูและเป็นปฏิปักษ์ต่อการตลบตะแลง
แม้พระเจ้าจะวัดความยำเกรงที่ภายใน แต่ความยำเกรงที่แท้จริง สามารถส่งผลให้เราเห็นจากการกระทำภายนอกได้ด้วยเช่นกัน
สภษ.9:10                ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญาและซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์ เป็นความรอบรู้
ความยำเกรงพระเจ้านั้น นอกจากทำให้เกิดความประพฤติภายนอกที่เหมาะสมกับพระเจ้าแล้ว
ความยำเกรงพระเจ้า ยังก่อให้เกิดปัญญา ยังก่อให้เกิดความรอบรู้อีกด้วย
คือ คิดได้มากขึ้น เข้าใจได้มากขึ้น มองทะลุปัญหาได้มากขึ้น
มงคลของชีวิต                                                                                    -2-                                                                โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

คนอื่น มอง แต่ ไม่เห็น แต่คนที่มีความยำเกรงพระเจ้า มองแล้วจะเห็น เพราะมีสายตาแหลมคมจากพระเจ้า
ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้เรารู้จักแยะแยกความถูกผิดและสามารถเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้
ส่งผลให้เราทำอะไรก็ดี ทำอะไรก็เจริญ มีมงคลของชีวิตอยู่กับตัว

นายร้อยโครเนลิอัสมีความยำเกรงพระเจ้า ส่งผลให้ท่านมีคุณลักษณะชีวิต ดังนี้
1.1 ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้ท่านเป็นผู้ให้ทานเสมอ
กจ.10:2                   ทั้งท่านและครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชนและอธิษฐานพระเจ้าเสมอ ความยำเกรงพระเจ้าของนายร้อยโครเนลิอัส ทำให้ท่านเป็นผู้ที่ให้ทานมากมายแก่ประชาชนเสมอ
คนที่จะให้ทานได้มากมาย ต้องเป็นคนที่มีความเมตตา มีความเอื้ออาทร ... สิ่งนี้คือคุณลักษณะคนของพระเจ้า
ยก.1:27                   ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก
ธัมมะที่บริสุทธิ์ คือ การช่วยเหลือผู้อื่น หยิบยื่นความเมตตาของเราให้กับผู้อื่น
พระวจนะยกตัวอย่างของการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน
คนที่ยำเกรงพระเจ้า ต้องช่วยเหลือ เมตตา โอบอ้อมอารีต่อคนที่มีความทุกข์ยากลำบากกว่าเรา
กจ.3:6                     เปโตรกล่าวว่า "เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด"
หลักการให้ หลักการช่วยเหลือของคริสเตียนนั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้มากมี จึงจะให้ได้มาก
แต่ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน มีแค่ไหน ให้แค่นั้น เริ่มต้นจากการให้สิ่งที่เรามีอยู่ก่อน
จำไว้ว่า ถ้าเรามีน้อย และไม่สามารถแบ่งปันให้กับผู้อื่นได้ เมื่อเรามีมาก เราก็จะให้ไม่ได้เช่นกัน
พระวจนะตอนนี้ ขอทานอยากได้เงิน ขอเงินจากเปโตร สิ่งที่เปโตรมี ไม่ใช่เงิน แต่เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า
สิ่งที่เปโตรให้พวกเขา เป็นมากกว่าการให้เงิน แต่คือการให้ชีวิต
เราทุกคนมีบางสิ่งที่จะมอบให้ผู้อื่นเสมอ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน แต่อาจจะเป็นรอยยิ้ม การหนุนใจ คำปรึกษา
ฝึกที่จะเป็นผู้ให้ในทุกกรณี แล้วการให้นั้น จะกลายเป็นมงคลสวมชีวิตของเรา
มธ.5:7                     บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบ
มงคลของชีวิต ไม่ได้เป็นเครื่องรางของขลัง แต่เป็นจิตใจที่ดีของเรา เป็นการกระทำที่ดีของเราต่างหาก
ทุกครั้งที่เรายื่นมือช่วยเหลือผู้อื่น สวรรค์จะยื่นมือมาอวยพรเรา
เมื่อเราทำดี เมื่อเราทำทาน เมื่อเราดูแลผู้อื่น สวรรค์จะดูแลเรา
แต่ท่าทีของเราต้องถูกต้องด้วย ไม่ใช่ทำเพราะอยากได้รับพระพร แต่ต้องทำด้วยใจ ทำจากใจที่ยำเกรงพระเจ้า

1.2 ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้ท่านเป็นผู้ที่อธิษฐานกับพระเจ้าเสมอ
กจ.10:2                   ทั้งท่านและครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชนและอธิษฐานพระเจ้าเสมอ นายร้อยโครเนลิอัส ไม่เพียงเป็นคนที่ให้ทานเสมอเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นผู้ที่อธิษฐานกับพระเจ้าเสมอด้วย
การอธิษฐาน คือ การพูดคุย สนทนากับพระเจ้า เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า
ลองนึกถึงคนที่เรารัก โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่รักกันใหม่ๆ จะต้องโทรศัพท์พูดคุยกันทุกวัน
คนที่เคารพ ยำเกรงและรักพระเจ้า ก็ต้องพูดคุย สนทนากับพระเจ้าทุกวันเช่นกัน
เราสามารถโทรศัพท์หาพระเจ้าได้ทุกเวลา ไม่มีปัญหาเรื่องคลื่น ไม่มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ โดยโทรผ่านการอธิษฐานนั่นเอง
พระคัมภีร์ย้ำว่า เสมอ ไม่ใช่เป็นการอธิษฐานธรรมดา แต่เป็นการอธิษฐานเสมอ
ในสมัยพันธสัญญาเดิม จะมีเวลาสำหรับการอธิษฐาน แต่สมัยพันธสัญญาใหม่ พระเยซูตรัสให้เราอธิษฐานทุกเวลา
มงคลของชีวิต                                                                                    -3-                                                                โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องทำมาหากิน แต่ในใจเราระลึกถึงพระเจ้าเสมอ ตลอดเวลา
และจัดเวลาในช่วงหนึ่งของวัน เพื่อจะพูดคุย อธิษฐานกับพระเจ้าเป็นพิเศษ (การเฝ้าเดี่ยว)
1ธส.5:17                 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
ลก.18:1                  พระองค์ตรัสคำอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาฟัง เพื่อสอนว่าคนทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอ ไม่อ่อนระอาใจ
การอธิษฐานเสมอนี้ อย่าทำเป็นกฎเกณฑ์ แต่ต้องทำด้วยใจ ทำจากใจที่รักและยำเกรงพระเจ้า
แล้วมงคลของชีวิต จะอยู่กับเรา พระลักษณะของพระเจ้าจะค่อยๆ ปรากฏชัดในชีวิตของเรามากขึ้นผ่านคำอธิษฐาน

2. ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้เห็นการสำแดงของพระเจ้า
มงคลชีวิตของคริสเตียน คือ การที่ได้เห็นการสำแดงจากพระเจ้า
นายร้อยโครเนลิอัส เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นว่า คนที่ยำเกรงพระเจ้า พระองค์จะทรงสำแดงพระองค์เองแก่เขา
กจ.10:3-4               เวลาประมาณบ่ายสามโมง นายร้อยนั้นเห็นนิมิตแจ่มกระจ่าง คือเห็นทูตองค์หนึ่งของพระเจ้าเข้ามาหาตนกล่าวว่า "โครเนลิอัสเอ๋ย" และเมื่อโครเนลิอัสเขม้นดูทูตองค์นั้นด้วยความตกใจกลัว จึงถามว่า "นี่เป็นประการใดพระเจ้าข้า" ทูตสวรรค์จึงตอบท่านว่า "คำอธิษฐานและทานของท่านนั้น ได้ขึ้นไปเป็นเหตุให้พระเจ้าระลึกถึงแล้ว
กจ.10:31                 ผู้นั้นได้กล่าวว่า "โครเนลิอัสเอ๋ย คำอธิษฐานของท่านนั้นพระเจ้าทรงสดับฟังแล้ว และทานของท่านนั้นก็เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงระลึกถึง
ความยำเกรงพระเจ้าเสมอ ให้ทานเสมอ อธิษฐานกับพระเจ้าเสมอ ทำให้รับการสำแดงจากพระเจ้า
ทูตสวรรค์มาปรากฏแก่โครเนลิอัส และกล่าวว่า คำอธิษฐานและทานของท่านทำให้พระเจ้าระลึกถึง
คำอธิษฐานของท่านไปถึงสวรรค์ พระเจ้าทรงรับฟังคำอธิษฐานนั้น และส่งทูตสวรรค์มาปรากฏ
มธ.5:8                     บุคคลผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้เห็นพระเจ้า
สดด.91:16              เราจะให้เขาอิ่มใจด้วยชีวิตยืนยาว และสำแดงความรอดของเราแก่เขา
การส่งทูตสวรรค์มาปรากฏ ถือเป็นการสำแดงจากพระเจ้าที่มีต่อโครเนลิอัส
ผู้เชื่อทุกคนที่ยำเกรงพระเจ้า ก็สามารถที่จะเห็นการสำแดงจากพระเจ้าได้เช่นกันในรูปแบบต่างๆ
เช่น เห็นการช่วยเหลือจากพระเจ้า เห็นคำตอบจากพระเจ้า เห็นการทรงนำจากพระเจ้าในชีวิตของเรา
แต่อย่าลืมว่าผู้ที่จะได้รับการสำแดง ต้องเป็นผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าเสมอ
ไม่ใช่ยำเกรงหรืออธิษฐานเฉพาะเวลาอยู่ที่โบสถ์ หรือเวลาที่มีการฟื้นฟูเท่านั้น แต่ต้องยำเกรงทุกเวลา อธิษฐานทุกเวลา
ดร.ยอง กี โช ศิษยาภิบาลคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ประเทศเกาหลีใต้)
เคยกล่าวว่า คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม สามารถเคลื่อนพระหัตถ์ของพระเจ้าได้
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เกาหลีใต้เจริญก้าวหน้า เพราะคริสเตียนที่นั่น อธิษฐานกับพระเจ้าเสมอ
คนที่อธิษฐานกับพระเจ้าเสมอ จึงรับพระพรจากพระองค์ รับมงคลชีวิตจากพระองค์

3. ความยำเกรงพระเจ้า ทำให้ได้รับเกียรติจากพระเจ้า
กจ.10:5-6               บัดนี้จงใช้คนไปยังเมืองยัฟฟา เชิญซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมา เปโตรอาศัยอยู่กับคนหนึ่งชื่อซีโมนเป็นช่างฟอกหนัง ตึกของเขาอยู่ริมฝั่งทะเล"
ความยำเกรงพระเจ้าของนายร้อยโครเนลิอัส นอกจากจะทำให้ท่านได้รับการสำแดงจากพระเจ้า
โดยการเห็นทูตสวรรค์ปรากฏและพูดกับท่านแล้ว
นายร้อยโครเนลิอัส ยังได้รับเกียรติสูงจากพระเจ้า โดยให้ไปเชิญเปโตรมาที่บ้านของท่าน
เหตุที่กล่าวว่าได้รับเกียรติสูงจากพระเจ้า เพราะเวลานั้น เปโตร คือ อัครทูตอันดับหนึ่งของโลก
ในบรรดาอัครทูต 12 คน เปโตรรับเกียรติจากพระเจ้าให้เป็นหัวหน้าของอัครทูตทั้งหมด
มงคลของชีวิต                                                                                    -4-                                                                โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

โดยมียากอบและยอห์น เป็นผู้ช่วย และทำงานร่วมกับอัครทูตทั้งหมด  ... นี่คือ ลักษณะการทำงานเป็นทีมของพระเจ้า
เปโตรนั้น ไม่ยอมที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวต่างชาตินัก
เพราะเวลานั้นถือว่าพวกต่างชาติ คือ พวกสุนัข เป็นพวกที่ทรยศพระเจ้า
คือ แทนที่จะนมัสการพระเจ้าผู้ทรงสร้าง กลับไปนมัสการสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา เช่น การไหว้รูปเคารพ เป็นต้น
วว.22:15                 ภายนอกนั้นมีสุนัข คนใช้เวทมนตร์ คนล่วงประเวณี คนฆ่ามนุษย์ คนไหว้รูปเคารพ ทุกคนที่รักการมุสาและประพฤติตาม
แต่พระเจ้าทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่ยำเกรงพระองค์ นอกจากสำแดงกับโครเนลิอัสแล้ว พระเจ้าสำแดงกับเปโตรด้วย
เพื่อเปโตร จะมาที่บ้านของโครเนลิอัส ซึ่งถือว่าครอบครัวนี้ได้รับเกียรติจากพระเจ้าและรับเกียรติจากผู้รับใช้พระเจ้าอย่างสูง

กจ.10:9-20             วันรุ่งขึ้นคนเหล่านั้นกำลังเดินทางไปใกล้เมืองยัฟฟา แล้วประมาณเวลาเที่ยงวัน เปโตรก็ขึ้นไปบนหลังคาตึกเพื่อจะอธิษฐาน ก็หิวอยากจะรับประทานอาหาร แต่ในระหว่างที่เขายังจัดอาหารอยู่ เปโตรก็เข้าสู่ภวังค์ และได้เห็นท้องฟ้าแหวกออกเป็นช่อง มีอะไรอย่างหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ ทั้งสี่มุมหย่อนลงมายังพื้นโลก ในนั้นมีสัตว์ทุกอย่าง คือสัตว์ที่เดิน ที่เลื้อยคลาน และที่บิน มีพระสุรเสียงมาว่าแก่ท่านว่า "เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้นฆ่ากินเถิด" ฝ่ายเปโตรจึงทูลว่า "มิได้ พระเจ้าข้า เพราะว่าสิ่งซึ่งเป็นของต้องห้าม หรือของมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานเลย" แล้วจึงมีพระสุรเสียงเป็นครั้งที่สองว่าแก่ท่านว่า "ซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้วอย่าว่าเป็นของต้องห้าม" เห็นอย่างนั้นถึงสามครั้ง แล้วสิ่งนั้นก็ถูกรับขึ้นไปในนภากาศทันที เมื่อเปโตรยังคิดสงสัยเรื่องนิมิตที่เห็นนั้นว่ามีความหมายอย่างไร ดูเถิด คนที่โครเนลิอัสใช้ไปนั้น เมื่อถามหา และพบตึกของซีโมนแล้วก็มายืนอยู่หน้าประตูรั้วและร้องถามว่า ซีโมนที่เรียกว่าเปโตรพักอยู่ที่นั่นหรือไม่ เมื่อเปโตรตริตรองเรื่องนิมิตนั้น พระวิญญาณก็ตรัสกับท่านว่า "ดูเถิด ชายสามคนมาหาเจ้า จงลุกขึ้นลงไปข้างล่างและไปกับเขาเถิด อย่าลังเลใจเลย เพราะว่าเราได้ใช้เขามา"
พระเจ้าสำแดงนิมิตกับเปโตร ถึง 3 ครั้งในเรื่องของโครเนลิอัส (ตัวแทนของคนต่างชาติ)
เรื่องนี้ทำให้เราได้ข้อคิดว่า ... อะไรก็ตามที่เป็นนิมิตจากพระเจ้า (ไม่ใช่เราคิดเอง) จะชัดเจน ไม่คลุมเครือ
และที่สำคัญ ถ้าเป็นเรื่องของ 2 ฝ่าย นิมิตจากพระเจ้านั้น จะต้องตรงกันด้วย
พระเจ้าสำแดงให้โครเนลิอัส ไปเชิญเปโตรมา และพระเจ้าสำแดงให้เปโตร มากับคนของโครเนลิอัส
การสำแดงสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายตรงกัน จึงไม่มีอะไรให้เคลือบแคลงสงสัยว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่
( ข้อควรระวัง อย่าให้ใครมาอ้างเรื่องนิมิตของพระเจ้าเล่นๆ ใครมาอ้างว่าพระเจ้าบอกให้เราทำอะไร
สิ่งนั้นต้องอยู่ในใจของเรามาก่อน เช่น มีคนมาบอกว่าพระเจ้าให้เราไปเป็นมิชชันนารีที่ต่างประเทศ
ความคิดของการเป็นมิชชันนารีในประเทศนั้นๆ ต้องเป็นภาระใจของเรามาก่อนแล้ว
แต่ถ้าไม่ ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่านิมิตนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นความหวังดีของผู้พูดเอง)

เมื่อเปโตร รับนิมิตจากพระเจ้าท่านก็เชื่อฟังและยอมมาที่บ้านของโครเนลิอัส
กจ.10:27-29           เมื่อกำลังสนทนากันอยู่ เปโตรจึงเข้าไปแลเห็นคนเป็นอันมากมาพร้อมกัน จึงกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า "ท่านทั้งหลายทราบแล้วว่า คนชาติยิวนั้นจะคบให้สนิทกับคนต่างชาติ หรือเข้าเยี่ยมก็เป็นที่ห้าม แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าเป็นที่ห้ามหรือมลทิน เหตุฉะนั้นเมื่อท่านใช้คนไปเชิญข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มาโดยไม่ขัด ข้าพเจ้าขอถามว่า ท่านเชิญข้าพเจ้ามาด้วยประสงค์อะไร"
การไปของเปโตร ไม่เพียงทำให้เราเห็นว่าคนที่ยำเกรงพระเจ้าจะรับเกียรติจากพระองค์และจากผู้รับใช้ของพระองค์เท่านั้น
แต่คำพูดของเปโตรที่มีต่อคนในครัวเรือนนั้น สอนแนวคิดใหม่ให้กับเราด้วย
เปโตร เคยรังเกียจพวกต่างชาติ (ชาติที่ไม่ใช่ยิว) แต่พระเยซูมาปฏิวัติความคิดนั้น
พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ไม่ควรเรียกคนหนึ่งคนใดว่าเป็นที่ห้ามหรือมลทิน
พระเจ้าสอนให้เรารู้ว่า ทุกคนมีค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า อย่าเรียกใครว่ามลทิน
มงคลของชีวิต                                                                                    -5-                                                                โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

วันนี้ไม่ว่าจะเป็นคนชนชาติใด ก็มีคุณค่าสำหรับพระเจ้า ไม่มีใครมีคุณค่าสูงกว่าใคร ไม่มีใครบาปกว่าใคร
ทุกคนบาป ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง แต่พระเจ้าทรงรักคนบาปในโลกนี้ทุกคน
ขึ้นชื่อว่าคน ทุกคนมีคุณค่า เพราะเป็นพระฉายของพระเจ้า
ดังนั้น คนที่มีความยำเกรงพระเจ้า ต้องมีทัศนคติเดียวกันกับพระเจ้าด้วย คือ ต้องเห็นคุณค่าของคน
เมื่อเราเห็นคุณค่าของคน เราก็จะกลายเป็นคนที่มีคุณค่า (ทั้งต่อพระเจ้าและต่อมนุษย์)
ทั้งโครเนลิอัสและเปโตร เป็นผู้ที่ยำเกรงพระเจ้า การสำแดงของพระเจ้าจึงนำมาซึ่งพระพรและมงคลของชีวิต

4. การให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้า ถือเป็นมงคลของชีวิต
นายร้อยโครเนลิอัสนั้น ท่านได้รับพระพร ไม่เพียงเพราะความยำเกรงพระเจ้าเท่านั้น
แต่เพราะท่านเป็นผู้ที่มีท่าทีที่ถูกต้องต่อผู้รับใช้พระเจ้าด้วย
ดังนั้น การให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้า ให้เกียรติตัวแทนของพระเจ้า จึงถือเป็นมงคลของชีวิตอย่างแท้จริง
กจ.10:24                 ล่วงมาอีกวันหนึ่งเขาก็ไปถึงเมืองซีซารียา โครเนลิอัสกำลังคอยรับรองอยู่ และเชิญญาติพี่น้องกับเพื่อนสนิทให้มาประชุมกันอยู่แล้ว
เมื่อโครเนลิอัส ส่งคนไปเชิญเปโตรมานั้น (ซึ่งในเวลาหลายวัน) ท่านมีท่าทีที่ถูกต้อง คือ คอยรับรองผู้รับใช้พระเจ้า
ไม่เพียงตัวท่านเท่านั้น แต่ครอบครัวของท่านด้วย อีกทั้งยังเชิญญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทมาคอยรับรองด้วย
สิ่งนี้แสดงถึงการให้เกียรติอย่างสูง เตรียมตัวต้อนรับอย่างดีทั้งครัวเรือน

กจ.10:25                 ครั้นเปโตรเข้าไป โครเนลิอัสก็ต้อนรับเปโตรและหมอบที่เท้ากราบไหว้ท่าน
พระวจนะข้อนี้เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราเห็นถึงความเคารพยำเกรงพระเจ้าและส่งผลถึงการยำเกรงผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย
โครเนลิอัส ไม่เพียงรอต้อนรับเท่านั้น แต่เมื่อได้เจอเปโตร ท่านหมอบที่เท้ากราบไหว้เปโตรทันที
แสดงถึง การให้เกียรติ เคารพ ยำเกรง ทำกับผู้รับใช้อย่างเดียวกับที่ทำกับพระเจ้า

กจ.10:26                 ฝ่ายเปโตรจึงจับตัวโครเนลิอัสให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า "จงยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าก็เป็นแต่มนุษย์เหมือนกัน"
แต่พระวจนะของพระเจ้าสมดุลที่สุด คนของพระเจ้าต้องให้เกียรติผู้รับใช้ เพราะเป็นตัวแทนของพระองค์
ในขณะเดียวกัน ผู้รับใช้ที่แท้จริง จะไม่หลงอยู่กับเกียรติที่รับจากมนุษย์นั้น ...
เขาได้รับเกียรติเพราะเป็นตัวแทนของพระเจ้า ไม่ใช่เพราะความเก่ง ความสามารถของตัวเอง
เปโตร พูดชัดเจนเป็นจุดยืนที่แสดงถึงความถ่อมและการให้เกียรติพระเจ้า ข้าพเจ้าก็เป็นแต่มนุษย์เหมือนกัน

กจ.10:33                 ข้าพเจ้าจึงใช้คนไปเชิญท่านมาทันที ที่ท่านมาก็ดีแล้ว บัดนี้พวกข้าพเจ้าอยู่พร้อมกันต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อจะฟังสิ่งสารพัด ซึ่งพระองค์ได้ตรัสสั่งท่านไว้"
ท่าทีประการสุดท้ายของโครเนลิอัส จากพระวจนะในตอนนี้ คือ การให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้าเหมือนให้เกียรติพระเจ้า
เขาอยู่ต่อหน้าเปโตร แต่เขากล่าวว่า ข้าพเจ้าอยู่พร้อมกันต่อพระพักตร์พระเจ้า
เป็นการให้เกียรติอย่างสูงสุด ต้อนรับ ปรนนิบัติและปฏิบัติต่อผู้รับใช้เหมือนปฏิบัติกับพระเจ้า
ท่าทีที่ถูกต้องทั้งหมดของโครเนลิอัส ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวต้อนรับอย่างดี การกราบที่เท้าเปโตร
และกล่าวว่าอยู่ต่อหน้าพระเจ้าทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าเปโตร เป็นเหตุให้ท่านได้รับมงคลของชีวิตจากพระเจ้า

การให้เกียรติผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้รับใช้พระเจ้า เป็นมงคลของผู้ที่ให้เกียรตินั้น
คนที่ไม่มีมงคล ก็เพราะไม่ให้เกียรติพ่อแม่ ไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่
มงคลของชีวิต                                                                                    -6-                                                                โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

คริสเตียนที่ไม่มีมงคล ก็เพราะไม่ให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้า
จำไว้อย่างหนึ่งเลยว่า พรและภัย ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียนนั้น ขึ้นกับว่าเราทำอย่างไรกับผู้รับใช้พระเจ้า
ผู้รับใช้พระเจ้า เป็นตัวแทนของพระองค์ เราให้เกียรติพระเจ้าอย่างไร ต้องให้เกียรติผู้รับใช้พระเจ้าอย่างนั้นด้วย

มธ.10:40-41           ผู้ที่รับท่านทั้งหลายก็รับเรา และผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ที่ทรงใช้เรามา ผู้ที่รับผู้เผยพระวจนะ เพราะเป็นผู้เผยพระวจนะ ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้เผยพระวจนะพึงได้รับ และผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะเป็นผู้ชอบธรรม ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ
สดด.105:15            ว่า "อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้ อย่าทำอันตรายแก่ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของเรา"
ฮบ.13:17                                ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของหัวหน้าของท่าน จงให้เขาทำงานนี้ด้วยความชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลายเลย เพราะว่าท่านเหล่านั้นดูแลรักษาจิตวิญญาณของท่านอยู่ เสมือนหนึ่งผู้ที่จะต้องเสนอรายงาน
1ธส.5:12-13           พี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนท่านให้นับถือคนที่ทำงานอยู่ในพวกท่าน ซึ่งปกครองท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า และตักเตือนท่านจงเคารพและรักเขาให้มากเพราะงานที่เขาได้กระทำ จงอยู่อย่างสงบสุขด้วยกัน

ถ้าเรามีชีวิตที่ถูกต้องต่อพระเจ้า คือ ยำเกรงพระเจ้า เป็นผู้ให้ทานเสมอ เป็นผู้ที่อธิษฐานเสมอ
และปฏิบัติต่อผู้รับใช้พระเจ้าอย่างถูกต้อง มงคลของชีวิตจะเกิดขึ้นอย่างที่เกิดขึ้นกับนายร้อยโครเนลิอัส
เราจะเห็นการสำแดงจากพระเจ้า เราจะรับเกียรติจากพระเจ้า และชีวิตของเราจะมีมงคลตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น