วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 9

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -58-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เรื่อง “ คำสอนอันมีหลัก ” (ภาค 1) ตอน 9

2ทธ.4:3-5          เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก เขาจะเลิกฟังความจริง และจะหันไปฟังเรื่องนิยายต่างๆ แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคง จงอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงกระทำพันธบริการของท่านให้สำเร็จ
            การเข้าใจ และเข้าถึงคำสอนอันมีหลัก จะทำให้ชีวิตคริสเตียนมีหลัก และส่งผลให้การรับใช้พระเจ้าเกิดผล เราจะไม่ถูกซัดไปเซมา หรือหันไปเหมา เพราะลมปากของมนุษย์ แต่เราจะมีจุดยืนบนพระวจนะของพระเจ้า

คำสอนอันมีหลัก ตอน 9 ว่าด้วยเรื่อง สิทธิอำนาจ
เรื่องสิทธิอำนาจเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของความมีวินัย
แต่คนจะมีวินัยได้ ต้องเกิดจากความเข้าใจ
คริสเตียนต้องมีวินัยแบบนักปราชญ์ ไม่ใช่มีวินัยแบบนักโทษ
ถ้าเราเข้าใจ ชีวิตของเราจะเป็นพระพรและเป็นประโยชน์ในอาณาจักรพระเจ้า
ตรงกันข้าม ถ้าเราไม่เข้าใจชีวิตเราจะกลายเป็นเพลิง เป็นเครื่องมือของมารขัดขวางงานของพระเจ้า

คริสเตียนเคารพสิทธิอำนาจ ถ้าใครมาอย่างถูกต้อง แม้เราไม่ถูกใจ เราเคารพและยอมรับ
คริสเตียนดำเนินชีวิตตามธรรมนูญของสวรรค์ คือ พระคัมภีร์
ไม่ใช่ว่าเราคิดอย่างไร แต่ทุกอย่างอยู่ที่พระคัมภีร์ตรัสว่าอย่างไร
พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้าและไม่มีวันล้มเหลว

มธ.6:9-13          ท่านทั้งหลาย จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้และขอทรงโปรด ยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย [เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน]
พระวจนะตอนนี้ เป็นตัวอย่างคำอธิษฐานของพระเยซู แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิทธิอำนาจ
ปรากฎอยู่ในข้อสุดท้ายที่ว่า เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดชและพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์
พระคัมภีร์สอนเรื่องสิทธิอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดและชัดเจนที่สุด
ถ้าเราเข้าใจพระคัมภีร์อย่างชัดเจน เราจะเป็นคนที่ชัดเจนในทุกเรื่อง

สิทธิอำนาจของพระเจ้า มี 5 สถาบัน ดังนี้
(1) สิทธิอำนาจในคริสตจักร (ศาสนจักร)
(2) สิทธิอำนาจในรัฐ
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -59-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

(3) สิทธิอำนาจในครอบครัว
(4) สิทธิอำนาจในสถาบันนายจ้างลูกจ้าง
(5) สิทธิอำนาจในสถาบันการศึกษา
สิทธิอำนาจที่สำคัญที่สุด คือ สิทธิอำนาจในคริสตจักรหรือในศาสนจักร
เพราะทุกสถาบันล่วงไปได้ แต่สถาบันของพระเจ้าดำรงอยู่เป็นนิตย์
คนที่อยู่ในสถาบันอื่นๆ จะดีได้ ก็ต่อเมื่อเขารับการสร้างอย่างดีจากสถาบันของพระเจ้า

1. ความสำคัญแห่งสิทธิอำนาจ
มธ.6:13             [เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน]
สิทธิอำนาจ สิทธิ์ขาดของทุกสิ่งอยู่ที่พระเจ้า

1.1 สิทธิอำนาจมากจากพระเจ้า สิทธิอำนาจเป็นคำสั่งและคำสอนของพระองค์
ฉธบ.4:39-40      เหตุฉะนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่าพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่น ดินเบื้องล่างหามีพระเจ้าอื่นใดอีกไม่เลย เพราะฉะนั้นพวกท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระราชบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อ ท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระ เจ้าของพวกท่านประทานแก่ท่านเป็นนิตย์นั้น"
ความสำคัญของสิทธิอำนาจ คือ สิทธิอำนาจมาจากพระเจ้า
สิทธิอำนาจ เป็นคำสั่งและคำสอนของพระเจ้าเบื้องบนในสวรรค์ เบื้องล่างในแผ่นดินโลก

1พศด.29:11-12   ข้าแต่พระเจ้าความยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพ พระสิริชัยชนะและความโอ่อ่าตระการเป็นของพระองค์ และบรรดาสิ่งที่มี อยู่ในฟ้าสวรรค์ และในแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ราชอาณาจักรเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรง เป็นที่ยกย่องเป็นจอมของสิ่งสารพัด  ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์ และพระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง ฤทธานุภาพและมหิทธิฤทธิ์ อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์ที่จะทรงกระทำให้ใหญ่ยิ่งและประทานกำลังแก่ทั้งมวล
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่สูงสุด และทรงไว้ซึ่งสิทธิอำนาจเป็นนิรันดร์
บาปใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ไม่ใช่การฆ่าคน แต่เป็นการ ต่อต้านสิทธิอำนาจของพระเจ้า
สถาบันพระมหากษัตริย์ สะท้อนสถาบันพระเจ้าได้เป็นอย่างดี
ต่อต้านหรือกบฎต่อกษัตริย์ รับโทษไม่เพียงตัวเองแต่รวมไปถึงตระกูลของเขาด้วย
บาปทุกอย่างพระเจ้ายกให้ได้ แต่การไม่ยอมรับสิทธิอำนาจ ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาในพระเจ้า
ผล คือ รับการพิพากษา ปราศจากชีวิตนิรันดร์
ดังนั้น พระเจ้าจึงสั่งให้เราอยู่ในสิทธิอำนาจของพระองค์

1.2 สิทธิอำนาจของพระเจ้า มนุษย์ไม่มีสิทธิ์แตะ ไม่มีสิทธิ์ล่วงละเมิด
โยบ.9:12           ดูเถิด พระองค์ทรงฉวยไป ใครจะห้ามพระองค์ได้ใครจะทูลพระองค์ว่า "พระองค์ทรงกระทำอะไรนั่น"
สิทธิอำนาจของพระเจ้า พระเจ้าจะทำอะไร อย่างไร เราไม่มีสิทธิ์แตะ
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -60-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

เราแตะเมื่อไร ตัวเองก็บาดเจ็บและพินาศ
ทุกอย่างเป็นเรื่องสิทธิอำนาจและพระราชอำนาจของพระเจ้า

รม.9:14-21         ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร พระเจ้าไม่ทรงยุติธรรมหรือ มิใช่เช่นนั้น เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาผู้นั้น เพราะฉะนั้นทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจหรือการตะเกียกตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้าเพราะมีข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า เพราะเหตุนี้เองเราจึงได้ยกเจ้าขึ้น เพื่อเราจะสำแดงฤทธิ์ของเราให้ปรากฏทางตัวเจ้า และเพื่อให้นามของเรากล่าวประกาศไปทั่วโลก เหตุฉะนั้นพระองค์จะทรงพระกรุณาแก่ผู้ใด ก็จะทรงพระกรุณาผู้นั้น และพระองค์จะทรงให้ผู้ใดมีใจแข็งกระด้าง ก็จะทรงให้ผู้นั้นมีใจแข็งกระด้างแล้วท่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงยังทรงติเตียน เพราะว่าผู้ใดจะขัดขืนพระทัยของพระองค์ได้"แต่ว่าท่านคือใคร คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า "ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้"ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิที่จะเอาดินก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะที่สวยงามอันหนึ่ง และภาชนะใช้สอยอันหนึ่งหรือ
เราไม่มีสิทธิ์ต่อว่า หรือซักถามพระเจ้าว่าทำไมพระองค์ต้องทำอย่างนั้น หรืออย่างนี้
เพราะราชอำนาจทั้งสิ้นอยู่ที่พระเจ้า พระองค์เป็นผู้สร้าง พระเจ้าย่อมเป็นเจ้าของ
และเมื่อพระเจ้าเป็นเจ้าของ พระเจ้าจึงมีสิทธิ์
พระเจ้าเป็นผู้ปั้น เราเป็นเพียงดิน ... เราไม่มีสิทธิ์ขัดขืนพระองค์

เราไม่มีสิทธิ์ ไม่ได้หมายถึง เราไม่มีเสรีภาพ แต่เสรีภาพที่เรามีนั้น ต้องมีขอบเขต และไม่ละเมิดต่อพระเจ้า
รวมทั้งไม่ละเมิดสิทธิ์ หรือทำร้าย ทำลายผู้อื่น

สดด.47:2           เพราะพระเจ้าองค์ผู้สูงสุด เป็นที่น่าคร้ามกลัวทรงเป็นมหาราชเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
สดด.83:18         ให้เขาทั้งหลายทราบว่าพระองค์ผู้เดียว ผู้ทรงพระนามว่าพระเยโฮวาห์ ทรงเป็นผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
สดด.93:1-2        พระเจ้าทรงครอบครอง พระองค์ทรงสวมความยิ่งใหญ่พระเจ้าทรงสวมฉลองพระองค์พระองค์ทรงเอาพระกำลังคาด พระองค์ โลกได้สถาปนาไว้แล้ว มันจะไม่หวั่นไหวพระที่นั่งของพระองค์ ได้สถาปนาไว้แล้วตั้งแต่กาลดึกดำบรรพ์ พระองค์ดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาล
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ไม่มีใครล้มพระเจ้าได้ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่เสมอ
เราต้องยอมอยู่ใต้สิทธิอำนาจของพระเจ้า ... อยากมีอำนาจ ต้องอยู่ใต้อำนาจ
เราจะมีอำนาจไม่ได้ ถ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ ถ้าพระเจ้าสูงสุดอยู่ในชีวิตใคร ชีวิตผู้นั้นก็สูงส่ง

สดด.135:6         พระเจ้าพอพระทัยสิ่งใด พระองค์ก็ทรงกระทำ ในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ในทะเลและที่น้ำลึกทั้งสิ้น
พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะทำอะไร พระองค์ก็ทรงกระทำทั้งสิ้น
ทั้งในสวรรค์ ในแผ่นดินโลก บนบก ในน้ำ เป็นเรื่องของพระเจ้า

คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -61-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ดนล.2:20-22      ดาเนียลกล่าวว่า "สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล พระองค์ทรงถอดพระราชาและทรงตั้งพระราชาขึ้นใหม่ พระองค์ทรงประทาน ปัญญาแก่นักปราชญ์ และทรงประทานความรู้แก่ผู้ที่มีความรอบรู้ พระองค์ทรงเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและลี้ลับ พระองค์ทรงทราบสิ่งที่อยู่ในความมืด และความสว่างก็อยู่กับพระองค์
พระเจ้าทรงมีสิทธิอำนาจในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ

ดนล.4:35           สำหรับพระองค์ชาวพิภพทั้งสิ้นนับว่าไม่มีค่าท่ามกลางชาวสวรรค์นั้นพระองค์ทรงกระทำตามชอบพระทัยพระองค์ และท่ามกลางชาวพิภพด้วย และไม่มีผู้ใดยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ได้ หรือตรัสถามพระองค์ได้ว่า "พระองค์ทรง กระทำสิ่งใด"
อะไรทั้งหมดของโลกเทียบกับพระเจ้าแล้วไม่มีค่าอะไร
ไม่มีใครยับยั้งพระราชอำนาจของพระเจ้าได้

1.3 สิทธิอำนาจเกิดก่อนอุบัติการณของสรรพสิ่ง
ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นในโลก หรือก่อนที่จะมีอะไรในสวรรค์ สิทธิอำนาจของพระเจ้าทรงอยู่แล้ว
สิทธิอำนาจนั้น คือ พระเจ้า พระองค์ทรงสถิตอยู่ทุกแห่งหนโดยไม่พึ่งสิ่งใด
วว.4:1-3                        ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่ และพระสุรเสียงแรกซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้น ได้ตรัสกับข้าพเจ้าดุจเสียงแตรว่า "จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นในภายหน้า" ในทันใดนั้นพระวิญญาณก็ทรงดลใจข้าพเจ้า และนี่แน่ะ มีพระที่นั่งตั้งอยู่ในสวรรค์และมีท่านองค์หนึ่งประทับบนพระที่นั่งนั้น และท่านผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นปรากฏประดุจแก้วมณีโชติและแก้วทับทิม และมีรุ้งล้อมรอบพระที่นั่งนั้น ดูประหนึ่งแก้วมรกต
มี พระที่นั่ง ตั้งอยู่ในสวรรค์ ... พระที่นั่งนั้น หมายถึง สิทธิอำนาจของพระเจ้า
สิทธิอำนาจของพระองค์เกิดก่อนอุบัติการณ์ของสรรพสิ่ง
ทุกอย่างที่เราทำ อยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของพระเจ้า
ดังนั้น เราต้องยำเกรงและเคารพสิทธิอำนาจของพระองค์

เหตุที่พระเจ้าทรงมีสิทธิอำนาจสูงสุดและเด็ดขาด
ก็เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง เมื่อเป็นผู้สร้าง จึงเป็นเจ้าของ เมื่อเป็นเจ้าของจึงมีสิทธิ์
พระเจ้าไม่เพียงเป็นเจ้าของเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นผู้ดูแลรักษาด้วย
พระเจ้าสร้างและเป็นเจ้าของสวรรค์ จึงมีสิทธิอำนาจในการออกกฎในสวรรค์
เหมือนเราสร้างบ้าน ซื้อบ้าน เราเป็นเจ้าของบ้าน เราย่อมมีสิทธิอำนาจในบ้านนั้น

1.4 ผู้ใช้สิทธิอำนาจนั้น คือ พระเจ้า (พระเจ้าเป็นผู้ใช้พระราชอำนาจของพระองค์)
วว.4:1-3                        ต่อจากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นประตูสวรรค์เปิดอ้าอยู่ และพระสุรเสียงแรกซึ่งข้าพเจ้าได้ยินนั้น ได้ตรัสกับข้าพเจ้าดุจเสียงแตรว่า "จงขึ้นมาบนนี้เถิด และเราจะสำแดงให้เจ้าเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นในภายหน้า" ในทันใ
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -62-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

นั้นพระวิญญาณก็ทรงดลใจข้าพเจ้า และนี่แน่ะ มีพระที่นั่งตั้งอยู่ในสวรรค์และมีท่านองค์หนึ่งประทับบนพระที่นั่งนั้น และท่านผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นปรากฏประดุจแก้วมณีโชติและแก้วทับทิม และมีรุ้งล้อมรอบพระที่นั่งนั้น ดูประหนึ่งแก้วมรกต
ผู้ที่นั่งอยู่บนพระที่นั่งนั้น คือ พระเจ้า
พระองค์ทรงเป็นผู้ตั้งสิทธิอำนาจ และพระองค์เองทรงเป็นผู้ใช้สิทธิอำนาจนั้น

2. สิทธิอำนาจของพระเจ้าใน 5 สถาบันที่เราต้องเข้าใจและยอมรับ
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า สิทธิอำนาจของพระเจ้าที่มาถึงมนุษย์นั้น
แบ่งออกเป็น 5 สถาบันหลัก และพระเจ้าทรงปกครองสวรรค์ ปกครองโลกผ่าน 5 สถาบันนี้

2.1 สิทธิอำนาจของพระเจ้าในคริสตจักรหรือศาสนจักร
ทุกสถาบัน ทุกอาณาจักร มีวันที่จะจากไป ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว รัฐบาล นายจ้างลูกจ้าง หรือสถาบันการศึกษา
แต่สถาบันของพระเจ้า คริสตจักรของพระองค์ไม่มีวันจากไป
พระเจ้าทรงใช้พระราชอำนาจของพระองค์ผ่านคริสตจักร
พระองค์ทรงปกครองโลกและสวรรค์ผ่านคริสตจักรของพระเจ้า

ก. พระเจ้ามอบกุญแจสวรรค์ มอบสิทธิอำนาจของพระเจ้าผ่านคริสตจักร
มธ.16:18-19       ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้ เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย"
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด เป็นเจ้าของ เป็นผู้สร้างคริสตจักร
พระเจ้ามอบกุญแจสวรรค์ และมอบสิทธิอำนาจของพระองค์ให้คริสตจักร
คริสตจักรมีอำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและบริหารคนของพระเจ้า
คริสตจักร เปิดและปิดสิ่งใด สิ่งนั้นถูกเปิดและปิดในสวรรค์ด้วย

อฟ.3:10-11        ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักรณบัดนี้ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
พระเจ้าทำงานผ่านคริสตจักร ... สิ่งดีๆ ผ่านคริสตจักรอย่างมากมาย
พระเจ้าจึงสั่งให้เราเคารพ รัก อยู่ในโอวาสฝ่ายวิญญาณของผู้นำผ่านคริสตจักร

แต่ความรับผิดชอบของคริสตจักรและของผู้รับใช้มีสูงมาก
ถ้าทำเปิดปิดอะไรที่ผิดจากพระวจนะ ต้องรับโทษจากพระเจ้าทั้งโลกนี้และโลกหน้า
คนของพระเจ้า สามารถตรวจสอบคริสตจักรและผู้รับใช้ได้ผ่านพระวจนะของพระองค์
อะไรที่ถูกต้อง เราเชื่อฟัง เราเคารพ แต่อะไรที่ผิดไปจากพระวจนะ เราไม่ต้องเชื่อฟัง
คำสอนอันมีหลัก ภาค 1                                               -63-                                           โดย ศจ.นิรุทธิ์   จันทร์ก้อน

ข. เมื่อโลกนี้สิ้นไป คริสตจักรจะปกครองร่วมกับพระเจ้าเป็นนิรันดร์
วว.22:5             กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป เขาไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขา และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์
เมื่อโลกนี้ต้องล่วงไป ผู้ที่จะปกครองสวรรค์ร่วมกับพระเจ้า ไม่ใช่รัฐบาลของโลก หรือผู้นำประเทศใหญ่
แต่เป็นหน้าที่ของ คริสตจักร ในการปกครองเหล่าเทพทูตสวรรค์ร่วมกันกับพระองค์
คริสตจักร จึงทำหน้าที่สำคัญมาก และพระเจ้าบริหารคริสตจักรผ่านผู้รับใช้ของพระองค์

1คร.6:3             ท่านไม่รู้หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์ ถ้าเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการสมควรสักเท่าใด ที่เราจะพิพากษาตัดสินความเรื่องของชีวิตนี้
ผู้เชื่อทุกคน เป็นธรรมิกชนของพระเจ้า (ธรรมิกชน คือ นักบุญ)
เมื่อเราเข้าสู่โลกนิรันดร์กาล เราจะปกครองทูตสวรรค์ร่วมกับพระเจ้า
ฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และยากที่จะเป็นไปได้ แต่พระเจ้าตรัสแล้วว่าจะต้องเป็นไปอย่างนี้
ซึ่งแม้แต่ทูตสวรรค์ยังต้องมองดูลูกพระเจ้า ด้วยความพิศวง

1คร.4:9             เพราะข้าพเจ้าเห็นว่า พระเจ้าได้ทรงตั้งเราผู้เป็นอัครทูตไว้ในที่สุด เหมือนผู้ที่ได้ถูกปรับโทษให้ถึงตาย เพราะว่าจักรวาลคือทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์ มองดูเราด้วยความพิศวง
ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องเรียนพระคัมภีร์ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อกลับสู่นิรันดร์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น