วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ ทองคำแด่พระเจ้า ทองคำของพระเจ้า ”

คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -1-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

เรื่อง ทองคำแด่พระเจ้า ทองคำของพระเจ้า

มธ.2:9-11               โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
ในวันที่บรรดาโหราจารย์พบพระกุมารเยซู พวกเขาถวายทองคำ กำยานและมดยอบ เป็นเครื่องบรรณาการ
การถวายของโหราจารย์ในครั้งนั้น สอนเราทุกคนในการถวายสิ่งดีที่สุดให้กับพระเจ้า ... วันคริสตมาส พระเจ้าพระบิดาประทานของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับมนุษย์ นั่นคือ พระเยซูคริสต์ และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง มนุษย์ควรถวายสิ่งดีที่สุดให้กับพระเจ้า เพื่อเป็นการสำนึกในพระคุณของพระองค์
การถวาย ทองคำ เล็งถึง การถวายสิ่งที่ดีที่สุดแด่พระเจ้า ... ไม่ใช่เรื่องของวัตถุเงินทองหรือทรัพย์สิน แต่เป็นเรื่องของการสร้างชีวิตของตัวเราเองให้เป็นทองคำของพระเจ้า เป็นทองคำที่ถวายแด่พระเจ้า

ทองคำแด่พระเจ้า ทองคำของพระเจ้า เล็งถึง สิ่งใดบ้าง?
1. ความเป็นเลิศของพระลักษณะพระเจ้า
ทองคำ ไม่เพียงเล็งถึง สิ่งดีที่สุดที่เราจะถวายให้กับพระเจ้าเท่านั้น
แต่ทองคำ ยังเล็งถึง ความดีเลิศ ความเป็นเลิศของพระลักษณะพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของความดีเลิศ ความดีเลิศ เป็นพระลักษณะของพระเจ้า
1.1 พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งและเห็นว่าสิ่งทั้งปวงดีนัก
ปฐก.1:10                พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่าแผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
ปฐก.1:12                แผ่นดินก็เกิดพืช คือผักหญ้าที่มีเมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้า ทรงเห็นว่าดี
ปฐก.1:18                ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
ปฐก.1:25                พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินตาม ชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
ปฐก.1:30                พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ทรงเห็นว่าดีนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง ทั้งโลก พืช สัตว์ มนุษย์ จักรวาล
เมื่อพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความดีเลิศ พระองค์จึงทรงสร้างทุกอย่างๆ ดีเลิศ

1.2 พระเจ้าทรงสร้างให้มนุษย์มีลักษณะของความดีเลิศ
ปฐก.1:26                แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
มนุษย์ทุกคนรับการสร้างอย่างดีเลิศ เพราะมนุษย์เป็นพระฉายของพระเจ้า
เราเหมือนพระเจ้าทางสติปัญญา ความดี ความชอบธรรม ความสามารถ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ที่ได้เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า จะรับการสร้างอย่างดีเลิศมากขึ้นเป็นพิเศษ
เพราะถือว่าเราเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ ที่คู่ควรกับเจ้าบ่าวอย่างพระองค์

คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -2-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

วว.19:8                   ทรงโปรดให้เจ้าสาวสวมผ้าป่านเนื้อละเอียดใสบริสุทธิ์ เพราะผ้าป่านเนื้อดีนั้นได้แก่ การประพฤติอันชอบธรรมของพวกธรรมิกชน
เจ้าสาวของพระคริสต์ ต้องสวมผ้าป่านเนื้อละเอียด เนื้อดี ไม่ใช่ดีธรรมดา แต่ดีเลิศ
คือ ความประพฤติอันชอบธรรม ความประพฤติอันดีงาม ความประพฤติอันดีเลิศของคริสเตียน

วว.4:8                     สัตว์ทั้งสี่นั้นมีปีกหกปีกและมีตาทั้งรอบนอกและข้างใน และสัตว์เหล่านั้นร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า "บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ได้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน และผู้ซึ่งจะเสด็จมา"
ในความดีเลิศของเรานั้น ต้องดีขึ้นทุกวัน ดีแล้วดีอีก ดีแล้วดีขึ้น จนถึงความดีเลิศอย่างพระเจ้า
ถ้าเราเข้าใจพระลักษณะความดีเลิศของพระเจ้า เราจะเอาลักษณะความดีเลิศนั้นมาใช้ในชีวิตของเรา
ซึมซับความดีเลิศของพระเจ้าเข้าสู่ชีวิต และแบ่งปันความดีเลิศนั้นออกไปเรื่อยๆ
และเมื่อพระเจ้าดีเลิศ เราจะไม่กล้าที่จะถวายสิ่งไม่ดีให้กับพระองค์
ชีวิตที่ไม่ดีของเราก็ต้องทำให้ดีขึ้น เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า

2. ความดีเลิศ ต้องเป็นเกณฑ์วัดมาตรฐานชีวิตของผู้เชื่อ
เราจะสามารถถวายทองคำแด่พระเจ้า และเป็นทองคำของพระเจ้าได้ก็ต่อเมื่อเรามีมาตรฐานของความดีเลิศ
มาตรฐานชีวิตของเรา คือ ความดีเลิศ ไม่ใช่ ดี พอใช้ หรือแค่ใช้ได้เท่านั้น แต่ต้องเป็นความดีเลิศ
ใช้ความดีเลิศ เป็นเกณฑ์วัดทุกสิ่ง วัดทุกเรื่องในชีวิต

2.1 ดีเลิศ แม้สิ่งเล็กน้อย
แม้ชีวิตเราเล็ก งานเราเล็ก บ้านเราเล็ก แต่ในความเล็กน้อยนั้น มาตรฐานของเราต้องดีเลิศ
เราต้องถูกสร้างชีวิตให้เป็นคนละเอียดแม้กับสิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ
เมื่อเราไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อยและใส่ใจได้แม้กระทั่งงานเล็กน้อย
เมื่องานใหญ่เข้ามา เราก็สามารถที่จะลงรายละเอียดและสร้างงานใหญ่นั้นให้ดีเลิศได้
ก. ละเอียด แม้งานเล็กน้อย
มธ.25:21                 นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
ข. ละเอียด แม้กับคนเล็กน้อย
ค. ละเอียด แม้ทรัพย์สินเงินทองเล็กๆ น้อยๆ
มธ.14:13-20           เมื่อพระเยซูได้ทรงทราบแล้ว จึงลงเรือเสด็จไปจากที่นั่น ไปยังที่เปลี่ยวแต่ลำพังพระองค์ เมื่อประชาชนทั้งปวงทราบ เขาก็ออกจากเมืองต่างๆ เดินตามพระองค์ไป ครั้นพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้ว ก็ทรงเห็นประชาชนหมู่ใหญ่ พระองค์ทรงสงสารเขา จึงได้ทรงรักษาคนป่วยของเขาให้หาย ครั้นเวลาเย็นแล้วพวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า "ที่นี่กันดารอาหารนัก และบัดนี้ก็เย็นลงมากแล้ว ขอพระองค์ทรงให้ประชาชนไปเสียเถิด เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามหมู่บ้าน" ฝ่ายพระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า "เขาไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่ พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด" พวกสาวกจึงทูลพระองค์ว่า "ที่นี่พวกข้าพระองค์มีแต่ขนมปังเพียงห้าก้อนกับปลาสองตัวเท่านั้น" พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "เอาอาหารนั้นมาให้เราเถิด" แล้วพระองค์ทรงสั่งให้คนเหล่านั้นนั่งลงที่หญ้า เมื่อทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว ก็แหงนพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ ถวายคำสาธุการ และหักส่งให้เหล่าสาวก เหล่าสาวกก็แจกให้คนทั้งปวง เขาได้กินอิ่มทุกคน ส่วนเศษอาหารที่ยังเหลือนั้น เขาเก็บไว้ได้ถึงสิบสองกระบุง
เต็ม
คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -3-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

ง. ละเอียด แม้สิ่งลี้ลับที่อยู่ภายใน (พระเจ้าไม่มองข้าม)
มธ.6:1-4                                 "จงระวัง อย่ากระทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ "เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทำทานอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่าน เหมือนคนหน้าซื่อใจคด กระทำในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อให้คนสรรเสริญ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้น ทานของท่านจะต้องเป็นทานลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน
กจ.24:16                 ในข้อนี้ข้าพเจ้าอุตส่าห์ประพฤติตามที่จิตสำนึกเห็นว่าดีเสมอ มิให้ผิดต่อพระเจ้าและต่อมนุษย์  
1ปต.5:2-3               จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจแต่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการเห็นแก่ทรัพย์สิ่งของที่ได้มาโดยทุจริต แต่ด้วยใจเลื่อมใส และไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น
พระเจ้าทรงรายละเอียด ถึงท่าทีและแรงจูงใจที่ถูกต้องภายใน
2คร.9:7                   ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี
ละเอียด แม้กระทั่งความคิดที่ไม่นึกเสียดาย ไม่ฝืนใจในการให้ ในการถวาย ในการช่วยเหลือ

จ. ผลของการสร้างชีวิตคริสเตียนอย่างละเอียด เราจึงมีมาตรฐานอย่างพระเจ้า
สิ่งที่ทำ สิ่งที่เป็น สิ่งที่ให้ กลายเป็นกลิ่นหอมที่พระเจ้าพอพระทัย ... ชีวิตปราศจากตำหนิ
ฟป.4:18 ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอม เป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า

2.2 ทุกสิ่งที่เราเป็น ทุกสิ่งที่เราทำ ต้องเป็นและทำอย่างดีเลิศ
การมีมาตรฐานของความดีเลิศในชีวิตนั้น หมายถึง ทุกสิ่งที่เราเป็น ต้องเป็นอย่างดีที่สุด
และทุกสิ่งที่เราทำ ต้องทำอย่างดีที่สุดและดีเลิศ
วว.4:7                     สัตว์ตัวที่หนึ่งนั้นเหมือนสิงห์ สัตว์ตัวที่สองนั้นเหมือนโค สัตว์ตัวที่สามนั้นมีหน้าเหมือนมนุษย์ และสัตว์ตัวที่สี่เหมือนนกอินทรีกำลังบิน
ตัวอย่างจากพระวจนะข้อนี้ สัตว์รอบพระที่นั่ง 1 ใน 4 คือ โค
โคหรือวัวนั้น เป็นสัตว์ที่เล็งถึงความเป็นประโยชน์อย่างสูงสุด
โค เป็นประโยชน์ทั้งตอนที่มีชีวิตอยู่และตอนที่ตายไปแล้ว (สัตว์บางอย่างมีประโยชน์ตอนตายเท่านั้น)
โค ให้แรงงาน น้ำนมโค ดื่มได้ มูลโค เป็นปุ๋ย
เนื้อของโคทุกส่วน แม้กระทั่งลิ้นหรือหาง ก็ยังเป็นอาหารของมนุษย์
ไม่มีส่วนใดที่ไม่เป็นประโยชน์เลยสำหรับโค นี่คือความดีเลิศของมัน
เราผู้เป็นคนของพระเจ้าควรเลียนแบบโคในเรื่องของความเป็นประโยชน์ในทุกทาง

3. ชีวิตเราต้องเป็นทองคำ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความดีเลิศ
ทองคำ คือ สัญลักษณ์ของความดีเลิศ
ทองคำ คือ ความมีค่า มีราคา มีมูลค่า
ถ้าเราจะถวายชีวิตของเราให้กับพระเจ้า เราต้องสร้างชีวิตของเราให้เป็นทองคำเสียก่อน

คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -4-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

3.1 ทองคำเป็นมาตรฐานของเงินทั่วโลก
ทองคำ เป็นมาตรฐานและเป็นหลักประกันพื้นฐานของแต่ละประเทศในการพิมพ์ธนบัตร
ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตของเราควรเป็นชีวิตที่มีมาตรฐานระดับโลก
คือ อยู่พื้นที่ใดของโลก อยู่ส่วนใดของโลก ก็มีค่า มีราคา มีมูลค่า
มธ.5:14-16             ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้นท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
ชีวิตของเราต้องส่องสว่างแก่โลก เริ่มต้นจากในบ้าน ในเรือน ในเมือง แล้วสว่างไปทั่วโลก
นี่คือมาตรฐานชีวิตของเรา

3.2 พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำ
วว.1:12-13              ข้าพเจ้าจึงเหลียวมาทางพระสุรเสียงที่ตรัสแก่ข้าพเจ้านั้น ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็เห็นคันประทีปทองคำเจ็ดคันและในท่ามกลางคันประทีปเหล่านั้นมีผู้หนึ่งเหมือนกับบุตรมนุษย์ ทรงฉลองพระองค์กรอมพระบาท และทรงคาดผ้ารัดประคดทองคำที่พระอุระ                           
พระวจนะทำให้เราเห็นภาพ คันประทีปทองคำ ที่อยู่ในคริสตจักรของพระเจ้า
คันประทีปทองคำ เป็นตัวแทนของคริสตจักร และพระเจ้าทรงสถิตอยู่ ณ ที่นั่น
เป็นคุณค่า เป็นสัญลักษณ์ของความดีเลิศ พระเจ้าจะสถิตอยู่ในความดีเลิศเท่านั้น
เมื่อพระเจ้าสถิตอยู่ที่ไหน ความเจริญ ความสุข พระพร การเกิดผล จะอยู่ที่นั่น
อาณาจักรต่างๆ รุ่งเรืองแล้วในที่สุดก็ร่วงโรยไป มีเพียงอาณาจักรของพระเจ้าเท่านั้นที่รุ่งเรืองอยู่เป็นนิรันดร์
เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่ที่นั่น
ชีวิตของเราก็เช่นกัน อยากให้พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย อยากให้พระเจ้าอวยพร ก็ต้องสร้างชีวิตของตัวเองให้เป็นทองคำ

3.3 นักปราชญ์ถวายทองคำแด่พระเจ้า
มธ.2:11                   ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
เมื่อเหล่านักปราชญ์พบพระกุมารเยซู สิ่งที่พวกเขากระทำ คือ การเปิดหีบของเขา นำเอาสิ่งที่ดีที่สุดมาถวายพระเจ้า
สิ่งที่ต้องระวังในการถวายแด่พระเจ้า คือ ต้องถวายของที่เป็นของเราเอง (เปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ไม่ใช่หยิบทรัพย์คนอื่น)
และในการถวายให้กับพระเจ้า ต้องเลือกถวายสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ซึ่งในที่นี้เล็งถึง ทองคำ
ถวายทองคำ คือ ถวายสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพระเจ้า
เช่น ต้องจัดเวลาทองคำให้กับพระเจ้า เวลาที่ดีที่สุด (ต้องจัดเวลา อย่าให้คำว่าถ้าว่างแล้วจะมา)
ถวายความสามารถทองคำให้กับพระเจ้า ถวายปัญญาระดับทองคำให้กับพระเจ้า
พระเจ้าเป็นจอมกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง เราจะถวาย เศษ ให้กับพระองค์ไม่ได้
มนุษย์จะมีเวลาสำหรับสิ่งที่มีค่าเสมอ ... ถ้าเราไม่มีเวลาให้พระเจ้า แสดงว่า พระองค์ไม่มีค่าพอสำหรับเรา
จัดเวลานมัสการ จัดเวลาเรียนพระคัมภีร์ จัดเวลารับใช้พระเจ้า เป็นต้น

3.4 ผู้อาวุโสรอบพระที่นั่ง สวมมงกุฎ ทองคำ
วว.4:4                     และล้อมรอบพระที่นั่งนั้นมีที่นั่งอีกยี่สิบสี่ที่นั่ง และมีผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั่งอยู่บนที่นั่งเหล่านั้น ทุกคนนุ่งห่มขาวและสวมมงกุฎทองคำบนศีรษะ
คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -5-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

อย่างที่กล่าวว่า ทองคำ คือ สัญลักษณ์ของความพิเศษ แม้ผู้อาวุโสที่อยู่รอบพระที่นั่งของพระเจ้า ก็สวมมงกุฎทองคำ
สวมมงกุฎทองคำ ในที่นี้ คือ การใช้อำนาจของพระเจ้าแทนพระเจ้า
เป็นเกียรติ เป็นความยิ่งใหญ่ เป็นความรับผิดชอบของผู้รับใช้ที่มีต่อพระเจ้า
ดังนั้น เมื่อเราต้องใช้อำนาจของพระเจ้าแทนพระเจ้า เราควรมีชีวิตที่ดีเลิศให้สมพระเกียรติของพระองค์

3.5 บนสวรรค์ แม้ถนนยังเป็นทองคำ
วว.21:21                 ประตูทั้งสิบสองประตูนั้นทำด้วยไข่มุกสิบสองเม็ด ประตูละเม็ด และถนนในนครนั้นเป็นทองคำบริสุทธิ์ ใสราวกับแก้ว
บนสวรรค์ แม้ถนนก็ยังเป็นทองคำ เล็งถึง ความดีเลิศ ความอลังการของพระเจ้า
แม้สิ่งที่ต่ำที่สุด (ถนน) ยังเป็นทองคำที่ดีเลิศที่สุด อย่างอื่นในสวรรค์ไม่ต้องพูดถึงย่อมดีเลิศ
เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความดีเลิศ สิ่งที่อยู่รอบๆ พระองค์จึงต้องดีเลิศไปด้วย
นั่นหมายรวมถึง ชีวิตของเราที่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรไว้แล้วด้วย
ดังนั้น จะทำอะไร เป็นอะไรต้องดีเลิศ คำพูด กิริยามารยาท สติปัญญา ความเข้าใจ การรับใช้ ชีวิตส่วนตัวต้องดีเลิศ

4. เส้นทางสู่การเป็นทองคำ (เส้นทางสู่ความดีเลิศ)
ตั้งแต่ข้อ 1 ข้อ 3 เราเห็นความดีเลิศ เราเห็นถึงคุณค่าของทองคำ
แต่กว่าใครจะสร้างชีวิตให้เป็นทองคำได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย การจะสร้างได้ ต้องใช้เวลา ต้องตกผลึก

4.1 แหล่งตกผลึกที่ดีที่สุด คือ พระวจนะและคริสตจักรของพระเจ้า
คริสตจักร เป็นที่สร้างคนให้เป็นทองคำ และคริสตจักรสร้างคนผ่านพระวจนะของพระเจ้า
คริสตจักร จะให้ข้อมูล ความรู้ ความคิดและความเข้าจากพระวจนะของพระเจ้า
ถ้าคนมีปรัชญาและแนวคิดที่ถูกต้อง เขาก็สามารถบริหารชีวิตได้อย่างถูกต้อง
มีแนวคิดดีเลิศอย่างพระเจ้า ก็สามารถพัฒนาชีวิตเข้าสู่ความดีเลิศอย่างพระเจ้าได้
คนที่มีอิทธิพลสูงสุดของโลก คือ คนที่ดีที่สุดและคนที่เก่งที่สุด (ในคนๆ เดียวกัน)
ดี แต่ไม่เก่ง ใช้ไม่ได้ เก่ง แต่ไม่ดี ก็ใช้ไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่พระคัมภีร์ จะสอนให้คนดีและเก่งในเวลาเดียวกัน
โอกาสทองในการสร้างคน คือ สร้างตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
แต่หากเวลานี้เราโตแล้ว ก็ยังไม่สายที่จะรับการสร้าง
ยอมให้พระเจ้าสร้างเรา ฝึกเรา สอนเรา จนกระทั่งเรากลายเป็นทองคำที่มีคุณค่าสำหรับพระองค์

4.2 ต้องยอมถูกฝัดร่อน
อยากเป็นทองคำ ไม่เพียงต้องยอมตกผลึกเท่านั้น แต่ต้องยอมรับการถูกฝัดร่อนด้วย

กว่าจะเจอเพชรหรือทองคำ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องมีการคัดออกจากก้อนดิน ก้อนกรวดก้อนอื่นๆ เสียก่อน
ชีวิตของเราจะเป็นทองคำได้ ก็ต้องถูกฝัดร่อนจากพระเจ้า
ลก.22:31-32           ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ดูเถิด ซาตานได้ขอพวกท่านไว้ เพื่อจะฝัดร่อนเหมือนฝัดข้าวสาลีแต่เราได้อธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านได้หันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน"
เปโตร เคยผ่านกระบวนการฝัดร่อนมาแล้ว ท่านจึงสามารถเป็นทองคำของพระเจ้าได้
คำตำหนิ คำตักเตือน คำเตือนสติ คำแนะนำ คำสอน ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนที่ฝัดร่อนให้ชีวิตเรามีคุณค่าและงดงามขึ้น

คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -6-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

จำไว้ว่า เมื่อมีการประเมินผล เราจะได้รับสิ่งที่ดีขึ้นเสม
ชีวิตที่เป็นทองคำ ต้องไม่ขี้สะดุด ต้องไม่อ่อนแอ ต้องกล้ายอมรับความจริง กล้ายอมรับการประเมิน
ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งผู้รับใช้หรือส่งคำตักเตือนให้กับเรา เพื่อชีวิตของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถวายพระองค์

4.3 จะเป็นทองบริสุทธิ์ ต้องถูกชำระด้วยไฟ
ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟฉันใด คนที่เป็นทองแท้ของพระเจ้า ย่อมไม่กลัวการพิสูจน์ด้วยไฟฉันนั้น
ชีวิตใครเป็นทองคำแท้ของพระเจ้า ต้องกล้าพิสูจน์ด้วยไฟ
1คร.3:12-14           บนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟางการงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไรถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน
พระเจ้าจะมาพิสูจน์ชีวิตของเราเสมอ ผ่านผู้รับใช้ ผ่านพระวจนะ ผ่านการเตือนสติ ผ่านการให้ข้อคิด
ทุกสิ่งที่มากระทบเรา มันจะวัดเรา สอนเรา และสร้างเรา
วัด ... คุณภาพทองคำในชีวิตของเรา
สอนและสร้าง ... ให้ชีวิตเรากลายเป็นทองคำที่มีค่าของพระเจ้ามากขึ้น
พระเจ้าไม่ได้ต้องการจับผิดเรา หรือจับผิดใคร ... แต่ถ้าไม่เจอไฟ จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ไฟของพระเจ้า ก็พิสูจน์ทองคำแท้ของพระองค์เช่นกัน

5. ค้นหาทองคำในตัวเรา
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์ มนุษย์ทุกคนเก่งอย่างพระเจ้า
ปฐก.1:26                แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
ทุกคนเกิดมามีความสามารถพิเศษจากพระเจ้าในชีวิต
1ทธ.2:7                  และสำหรับการนี้ข้าพเจ้าจึงได้ถูกตั้งไว้ให้เป็นผู้ประกาศ และเป็นอัครทูต (ข้าพเจ้าพูดจริงไม่ปดเลย) และเป็นครูสอนความเชื่อและความจริงแก่คนต่างชาติ
ความสามารถพิเศษ 3 อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเปาโล คือ เป็นผู้ประกาศ เป็นอัครทูตและเป็นครู
... และในขณะเดียวกันก็เกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคน
สำคัญที่เราต้องหาให้เจอว่า อะไรคือทองคำ อะไรคือของประทานที่พระเจ้าประทานให้
ทองคำนั้น เราจะพบ ก็ต่อเมื่อเราเริ่มลงมือหาเท่านั้น

5.1 ค้นหาโดยการทำทุกอย่างที่เจอและทำอย่างดีที่สุด
ข้าพเจ้าสอนเสมอว่า อยากรู้ว่าอะไรเป็นของประทาน ต้องเริ่มต้นจากทำงานทุกอย่างที่มือเจอและทำงานนั้นอย่างดีที่สุด
การหลีกหนีหรือหลีกเลี่ยงการทำงาน เท่ากับเป็นการหลีกหนีหรือหลีกเลี่ยงการขุดทองในตัวเอง
ชีวิตคนเราวัดกันที่จุดจบ ไม่ใช่จุดเริ่มต้น
ระหว่างทาง ไม่ว่าเราจะทำงานอะไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ แม้ผิดพลาด แม้ไม่เหมาะ ก็ไม่ถือว่าเป็นความล้มเหลว
ถ้าเราไม่เริ่มต้น เราก็ไม่มีวันค้นพบทองคำของตัวเอง



คำเทศนาวันคริสตมาส                                                                      -7-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

5.2 เมื่อทำทุกอย่างดีที่สุด เราจะพบความถนัด
เมื่อเราตั้งใจทำงานทุกงานอย่างดีที่สุด ทำไปด้วย คิดไปด้วย
ในที่สุด เราจะพบว่างานใดเหมาะกับเรา เราถนัด เราชอบ เราเกิดผล นั่นแหละทองคำของเรา
นอกจากนี้ งานทุกอย่างที่เราทำอย่างดี จะนำเราไปสู่งานอื่น ความสามารถของเราจะเพิ่มขึ้นด้วยจากการทำงาน

5.3 ทั้งโอกาสและอุปสรรค จะทำให้เราเจอบ่อทอง
คิดไว้เสมอว่า ไม่ว่าเราจะเจอโอกาสหรืออุปสรรค ทั้งสองอย่างล้วนแล้วแต่เป็นหนทางนำเราไปสู่ทองคำ
เราต้องรู้จักฉวยโอกาส ... โอกาสมาถึงทุกคนอย่างบังเอิญ แต่การจะคว้าโอกาสได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
คนจะฉวยโอกาสได้ ต้องเป็นคนที่เตรียมพร้อมเสมอ รับการสร้างเสมอ
บ่อยครั้งโอกาส ก็จะมาพร้อมๆ กับอุปสรรค
อุปสรรคใดๆ ก็ตาม ถ้าเราเจอมันแล้วฝ่าฟันไปได้ ก็บ่งบอกถึงความเป็นทองคำในตัวของเรา
สิ่งที่วัดความยิ่งใหญ่ของคน นอกจากวัดจากขนาดงานที่เขาทำแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ใช้วัด คือ ขนาดของอุปสรรคที่เขาต้องฝ่าฟัน
สำหรับลูกพระเจ้า ต้องท่องไว้ว่า ยิ่งยาก ยิ่งมีคุณค่า ยิ่งยาก ยิ่งภาคภูมิใจ

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำสอนในเรื่องนี้ จะช่วยเราในการมอบถวายของขวัญที่มีค่าที่สุดให้กับพระเจ้าได้
ไม่ใช่ของที่อยู่นอกตัวเรา แต่เป็นทองคำที่อยู่ในตัวเรา เป็นการสร้างชีวิตให้เป็นทองคำถวายเกียรติแด่พระเจ้า
อย่าให้พระเจ้าประทานสิ่งดีเลิศให้เราเท่านั้น เราต้องมอบสิ่งดีเลิศถวายคืนพระองค์ด้วย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น