วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ การให้ที่สูงสุด” จาก “ ฟป.4:14-20 ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 10 รอบเช้า                                               -1-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

เรื่อง “ การให้ที่สูงสุด จาก ฟป.4:14-20

ฟป.4:14-20            ถึงกระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่าน ที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า และพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น มาตอนเมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น ถึงแม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ได้ฝากของมาช่วยหลายครั้งหลายหน มิใช่ว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะได้รับของให้ แต่ว่าข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้ผลกำไรในบัญชีของท่านมากขึ้น ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอม เป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ ขอให้พระสิริจงมีแด่พระเจ้าพระบิดาของเราสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน
ลักษณะของคริสตจักรเมืองฟิลิปปี เป็นคริสตจักรที่มีทั้งคนรวยและคนจน มีทั้งคนมีการศึกษาและคนไร้การศึกษา มีทั้งชาวบ้านและชาวเมือง เต็มไปด้วยผู้นำ นักปราชญ์ รวมไปถึงผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ สิ่งที่ทำให้รู้ว่าคนในคริสตจักรนี้เป็นผู้นำ และเป็นผู้ใหญ่ในสังคม ก็เพราะเปาโลได้บันทึกไว้ใน ฟป.4:22 ว่า พวกธรรมิกชนทั้งปวงฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกข้าราชการของจักรพรรดิซีซาร์
อีกทั้งพระธรรมฟิลิปปี เป็นพระธรรมที่สั้นมาก มีแค่ 4 บท เขียนมาเพื่อให้เหล่านักปราชญ์อ่านและตีความ จับใจความให้ได้เมล็ดพันธุ์ความคิด และนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
จุดเด่นของคริสตจักรนี้ คือ ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เรื่องนี้ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ก็เป็นไปได้สำหรับพระเจ้า มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าและมีความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ แต่เราแตกต่างกันที่ความสามารถ บางคนมาก บางคนน้อย บางคนละเอียด บางคนหยาบ แต่ทั้งหมดทุกคนพระเจ้าทรงเรียกมาเพื่อเป็นประโยชน์ในงานของพระเจ้า
               
คริสตจักรแห่งนี้ไม่เพียงทุกคนที่มีความแตกต่างจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเท่านั้น คริสตจักรเมืองฟิลิปปี ยังเป็นแบบอย่างในด้านการให้ ... เป็นการให้ที่สูงสุด คือ ให้เพื่อมีส่วนร่วมในราชกิจของพระเจ้า ให้เพื่อมีส่วนสนับสนุนผู้รับใช้ของพระเจ้า คือ เปาโล
เวลานั้นมีหลายคริสตจักรที่เปาโลบุกเบิกก่อตั้งขึ้น รวมทั้งคริสตจักรเมืองโครินธ์ที่ใหญ่กว่าคริสตจักรฟิลิปปีด้วยซ้ำ แต่มีเพียงคริสตจักรฟิลิปปีเท่านั้นที่มีส่วนในรายรับรายจ่ายของเปาโล ผลของการให้ที่สูงสุดนี่เอง ทำให้ชีวิตของผู้ให้สูงส่งและสง่างาม คริสตจักรก็มีความสงบสุข และเป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรของพระเจ้า

การให้ที่สูงสุดของคริสตจักรเมืองฟิลิปปี มีดังนี้
1. เป็นการให้ เพื่อมีส่วนในข่าวประเสริฐ
ฟป.4:14-15            ถึงกระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่าน ที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า และพวกท่านชาวฟีลิปปีก็ทราบอยู่แล้วว่า การประกาศข่าวประเสริฐในเวลาเริ่มแรกนั้น มาตอนเมื่อข้าพเจ้าออกไปจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายเลย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น
เปาโลพูดกับคนในคริสตจักรว่าเป็นความกรุณาที่พวกเขาได้ร่วมทุกข์กับท่านในงานของพระเจ้า
เปาโล ไม่ได้พูดเพื่อเอาอกเอาใจพี่น้องในฟิลิปปี แต่พูดเพราะเห็นหัวใจแห่งการให้เกิดขึ้นที่นี่
ทรัพย์สินเงินทอง ถือเป็นชีวิตของคน ... ใครจะให้ได้ ต้องให้จากใจ
กท.1:10                  บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังพูดเอาใจมนุษย์หรือ ข้าพเจ้าทำให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้ามิใช่หรือ ข้าพเจ้าอุตส่าห์ประจบประแจงมนุษย์หรือ ถ้าข้าพเจ้ากำลังประจบประแจงมนุษย์อยู่ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของพระคริสต์


คำเทศนา อาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 10 รอบเช้า                                               -2-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

เปาโลย้ำว่า ในการประกาศข่าวประเสริฐของท่านนั้น ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมเลยนอกจากคริสตจักรฟิลิปปี
ทั้งๆ ที่มีหลายคริสตจักรที่ร่ำรวยกว่า ใหญ่โตกว่า แต่ก็ไม่เคยให้เพื่อมีส่วนในข่าวประเสริฐ
การให้ที่สูงสุด คือ การให้เพื่อมีส่วนในข่าวประเสริฐ เป็นการให้เพื่อขอมีส่วนในงานของพระเจ้า
การมีส่วนในงานของพระเจ้าสำคัญที่สุดสำหรับคนของพระองค์
จำไว้ว่า คนของพระเจ้าเท่านั้นที่จะอยู่เพื่ออาณาจักรนิรันดร์

1.1 เป็นการให้ เพื่อร่วมส่วนในข่าวประเสริฐ
การมีส่วนในงานของพระเจ้า ก็เหมือนการมีส่วนในโครงการพระราชดำริของพระมหากษัตริย์
ถือเป็นเกียรติยศของชีวิต และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ถ้าได้มีส่วนในงานของกษัตริย์ในโลก เราถือว่ามีเกียรติสูงแล้ว
พระเจ้าของเราทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ เกียรติของผู้มีส่วนในงานจะมากขนาดไหน?
โครงการใดๆ ก็ตามในโลกนี้ ไม่มีโครงการใดแตะมนุษย์ได้มากกว่าโครงการประกาศข่าวประเสริฐ
นำคนให้มาถึงพระเจ้า รับการสร้างให้เป็นผู้ให้ รับการสร้างให้เป็นประโยชน์ต่อโลก
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะคิดได้อย่างนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินจะถวายหรือให้เพื่อมีส่วนในงานพระเจ้า

อเล็กซานเดอร์มหาราช สอนให้เราคิดถึงหลักความจริงของชีวิต (โดยเฉพาะคนร่ำรวยที่ไม่เป็นประโยชน์)
ที่โลงศพของท่านจะเจาะรูไว้ข้างลำตัว เพื่อเอาแขนทั้งสองข้างออกมา
ท่านจงใจให้ทุกคนเห็นว่า คนเราเกิดมาตัวเปล่าและในที่สุดก็ต้องจากไปตัวเปล่า
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยเกียรติและทรัพย์สินเงินทองอย่างท่าน ตายไปแล้วก็ต้องจากไปมือเปล่า
ไม่สามารถหยิบจับเอาอะไรในโลกนี้ไปได้ทั้งสิ้น

ผู้เชื่อก็เป็นเหมือนกันกับคนอื่นที่ไม่สามารถเอาอะไรออกไปจากโลกได้เมื่อเราตาย
แต่ขณะที่เรายังเป็นอยู่ เราสามารถสะสมทรัพย์สมบัติและบำเหน็จเอาไว้เบื้องบนได้
ด้วยการมีส่วนในข่าวประเสริฐของพระเจ้า ... คริสตจักรฟิลิปปีพวกเขาเลือกทำในสิ่งนี้

1.2 เป็นการให้ เพื่อมีส่วนและเป็นส่วนของข่าวประเสริฐ
ฟป.1:5                    เพราะเหตุที่ท่านทั้งหลายมีส่วนในข่าวประเสริฐด้วยกัน ตั้งแต่วันแรกมาจนกระทั่งบัดนี้
ลักษณะและธรรมชาติชีวิตของคริสเตียนเมืองฟิลิปปี คือ ให้เพื่อมีส่วนและเป็นส่วนของข่าวประเสริฐ
การให้ ถือเป็นส่วนชีวิตของพวกเขา ... ห้ามไม่ให้เขาให้ เท่ากับฆ่าเขาให้ตาย
หลักการของศาสนา ถือว่าการให้ธรรมเป็นทาน เป็นการให้ทานที่ชนะการให้ทานทั้งปวง
เพราะถือเป็นการสร้างคน ถ้าคนดี วัตถุดีๆ ก็จะมาตามเอง
แต่การให้ข่าวประเสริฐของพระเจ้าแก่มนุษย์ ... เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งที่สุด
ธัมมะ คำสอนของศาสนาและนักปราชญ์ ถือเป็นสิ่งที่ดี
แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนคนได้ดีและถาวรที่สุด คือ ข่าวประเสริฐของพระเจ้า
มธ.5:17   อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
พระเยซูไม่ได้มาทำลาย แต่มาทำให้สมบูรณ์ขึ้น อะไรที่เราทำไม่ได้ พระเจ้าจะช่วยให้เราทำได้

ทำไมจึงกล่าวว่าข่าวประเสริฐ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 10 รอบเช้า                                               -3-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

ก็เพราะข่าวประเสริฐเป็นทางเดียวเท่านั้นที่ทำให้มนุษย์หลุดพ้นจากบาป เวรกรรม อำนาจของมารซาตาน
กจ.4:12   ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า
ในศาสนาอื่น ในศาสดาอื่น มีความดี มีพระพร มีฤทธิ์เดช แต่ที่เขาไม่มี คือ ความรอด
ไม่มีศาสนาหรือศาสดาใด ยกบาปมนุษย์ได้ เว้นแต่พระเยซูคริสต์
ไม่มีศาสนา หรือศาสดาใด ให้ชีวิตนิรันดร์ สะอาดนิรันดร์ สุขนิรันดร์ สงบนิรันดร์ เว้นแต่พระเยซูคริสต์
ไม่มีศาสนา หรือศาสดาใด ให้เราเป็นบุตรของพระเจ้าได้ เว้นแต่พระเยซูคริสต์
ไม่มีศาสนา หรือศาสดาใด สัญญาว่าจะเตรียมนิเวศให้กับเราหลังจากเราตาย เว้นแต่พระเยซูคริสต์
ดังนั้น ความรอดเดียวจึงมีในพระเยซูคริสต์เท่านั้น นี่แหละความสำคัญของข่าวประเสริฐ

รม.1:16                   เพราะว่าข้าพเจ้า ไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย
1คร.9:16                 เพราะการที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า
เปาโล ตระหนักดีว่าข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชทำให้คนรับความรอด
ท่านจึงรู้สึกผิดหากไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐ
การที่เราทุกคนประกาศข่าวประเสริฐ วันต่อวันกับทุกคนที่เรารู้จักก็เป็นเรื่องดีแล้ว
แต่การที่เราถวายทรัพย์เพื่อมีส่วนในข่าวประเสริฐผ่านทางคริสตจักรหรือผู้รับใช้ที่พระเจ้าทรงเจิม
การให้นั้นจะมีประโยชน์สูงสุด และจะสามารถประกาศข่าวประเสริฐที่มีประสิทธิภาพได้มากกว่า
ทั้งนี้เราต้องดูด้วยว่าคริสตจักรที่เราถวายทรัพย์นั้น มีการเจิมจากพระเจ้าหรือไม่?
เงินถวายได้นำไปใช้ในการประกาศข่าวประเสริฐหรือไม่? เงินถวายใช้นำคนมาถึงพระเจ้าหรือไม่?
ถ้าเป็นคริสตจักรที่เกิดผล เราก็ควรที่จะทุ่มเทให้เต็มที่

รม.10:14-15           แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ
คนจะเชื่อได้ ก็ต้องมีการประกาศข่าวประเสริฐ
การจะออกไปประกาศข่าวประเสริฐได้ ก็จำเป็นต้องมีเงินทุนสนับสนุน (เหมือนการส่งมิชชันนารี)
ทั้งหมดต้องใช้เงิน แต่เงินนั้นจะเป็นประโยชน์ในการช่วยคนให้พ้นนรก ไปสวรรค์
ทุกวันนี้ถ้าไม่มีโครงการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า อะไรดีๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นในโลก
โรงพยาบาล โรงเรียน คริสตจักรของพระเจ้า มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก
เราสามารถมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลกได้ ด้วยการถวายของเรา

มก.10:29-30           พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเราในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูกและไร่นา ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์
สละ เป็นมากกว่าการให้ ... ผู้ใดสละเพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ ก็จะรับตอบแทนจากพระเจ้า

1.3 เป็นการให้ เพื่อมีส่วนในรายรับรายจ่ายของคริสตจักรและผู้รับใช้
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 10 รอบเช้า                                               -4-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

การให้ของคริสตจักรฟิลิปปี ไม่เพียงมีส่วนในการประกาศข่าวประเสริฐเท่านั้น
แต่ยังให้เพื่อมีส่วนในรายรับรายจ่ายของคริสตจักรและผู้รับใช้พระเจ้าด้วย
ในยุคแรกเปาโลบุกเบิกก่อตั้ง ลำพังคริสตจักรไม่สามารถเลี้ยงดูผู้รับใช้อย่างเต็มที่ได้
เปาโล ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพไปด้วย รับใช้พระเจ้าไปด้วย
ก็มีเพียงคริสตจักรฟิลิปปีนี่แหละที่มีส่วนร่วมในรายรับรายจ่ายของท่าน

ก. ตัวไปไม่ได้ แต่ปัจจัยขอมีส่วนร่วม
ฟป.4:14                  ถึงกระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่าน ที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า
เปาโล ถือว่าการให้ของคริสตจักรฟิลิปปี เป็นความกรุณาของพวกเขาที่ได้ร่วมทุกข์กับท่าน
(1) ให้ด้วยความกรุณา ไม่ใช่ด้วยความสงสาร ไม่ใช่ด้วยความเวทนา
แต่ให้ด้วยใจกรุณา ด้วยใจรัก ด้วยใจเมตตา ด้วยใจผูกพันกับพระเจ้า ผูกพันกับผู้รับใช้พระองค์
สดด.91:14              เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจะช่วยกู้เขา เราจะป้องกันเขาไว้ เพราะเขารู้จักนามของเรา
(2) ให้ด้วยอยากร่วมทุกข์ (ไม่ใช่ร่วมสุขอย่างเดียว)
คนจะให้ได้ ไม่จำเป็นต้องมีอย่างเหลือเฟือ แต่เป็นการแบ่งส่วนที่มีอยู่แล้วให้
คนเราถ้ามีใจ วิธีการก็จะตามมาเอง ... รักต้องมีแสดงออก รวมทั้งรักพระเจ้าและผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย

ข. ฝากของมาช่วยหลายครั้ง ทำเป็นธรรมชาติ เป็นอุดมการณ์ของชีวิต
ฟป.4:16                  ถึงแม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ได้ฝากของมาช่วยหลายครั้งหลายหน
คริสตจักรฟิลิปปี มีส่วนในรายรับของเปาโลอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
แต่เปาโลย้ำว่าหลายครั้งหลายหน แสดงถึง การให้เป็นอุดมการณ์ชีวิตของพวกเขา

2. หลักการให้ที่สูงสุด
2.1 ให้ครบ
ฟป.4:18                  ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอม เป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า
การให้ของเราจะสูงส่งและสูงสุด คือ ต้องให้ให้ครบ
ก่อนที่เราจะเชื่อพระเจ้า เราคงเคยถวายเงินให้กับพระสงฆ์ แล้วถามว่ามีใครกล้าถวายธนบัตรที่ไม่ดีบ้าง?
ไม่มี เราจะคัดเอาธนบัตรอย่างดีให้ ... ขนาดมนุษย์เรายังให้สิ่งที่ดี แล้วกับพระเจ้าเราจะไม่ให้สิ่งที่ดีที่สุดหรือ

ถวายพระเจ้า ต้องถวายให้ครบ แล้วพระเจ้าจะประทานให้ครบตามพระสัญญา
มลค.3:10-11          พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ

เราจะถวายให้กับพระเจ้าได้มากขึ้น ก็ต่อเมื่อ เรากล้าตัดส่วนเกินของรายจ่ายให้พอดี
ตัดความฟุ่มเฟือยของตัวเอง มาถวายให้กับงานของพระเจ้า
เงินจะมีประโยชน์สูงสุดในชีวิตของเราก็ต่อเมื่อให้พระเจ้าอยู่ในรายการความจำเป็นอันดับแรก
เงินของพระเจ้า ต้องเกิดประโยชน์ในงานของพระเจ้า นำคนมาเชื่อให้มากที่สุด
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 10 รอบเช้า                                               -5-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

เลี้ยงคนเชื่อให้เติบโตและรับช่วงต่อในการขยายงาน
ทำได้อย่างนั้น เราจะนั่งอยู่ในพระทัยของพระเจ้า เหมือนอย่างคริสตจักรเมืองฟิลิปปี

2.2 ให้แล้วให้อีก
ฟป.4:16                  ถึงแม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ได้ฝากของมาช่วยหลายครั้งหลายหน
อย่างที่เราทราบแล้วว่า คริสตจักรฟิลิปปีไม่ได้ให้แค่ครั้งเดียว แต่ตลอดชีวิตพวกเขาเต็มไปด้วยการให้
ดังนั้น หลักการให้ที่สูงสุด นอกจากต้องให้ครบแล้ว ยังต้องให้แล้ว ให้อีก
ให้เพิ่ม ให้พิเศษอยู่เรื่อยๆ ตามกำลังและศรัทธาที่เรามีต่อพระเจ้าและผู้รับใช้ของพระองค์

ฟป.4:17                  มิใช่ว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะได้รับของให้ แต่ว่าข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้ผลกำไรในบัญชีของท่านมากขึ้น
การที่เราต้องให้แล้วให้อีก หรือการที่ผู้รับใช้หนุนใจเราให้ถวาย
ไม่ใช่เพราะเขาอยากได้ไว้เอง แต่เพราะผู้รับใช้ตระหนักดีถึงกฎของพระเจ้า
บัญชีในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาก ให้มาก ก็รับพระพรมาก ไม่ใช่โลกหน้าเท่านั้น แต่เราจะเห็นผล เห็นพรในโลกนี้ด้วย
พระพรของพระเจ้า ไม่ได้หมายถึง เงินทองเสมอไป แต่เป็นสิ่งที่กำลังของมนุษย์
เช่นการไปดีมาดี การมีอายุยืนยาว การมีสุขภาพที่ดี การมีครอบครัวที่อบอุ่น
สิ่งเหล่านี้เงินให้เราไม่ได้ แต่พระพรและบัญชีจากสวรรค์ให้เราได้

2.3 ให้เป็นสิทธิพิเศษ เป็นพระคุณ ไม่ใช่บุญคุณ
ฟป.4:18                  ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอม เป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า
2คร.9:7                   ทุกคนจงให้ตามที่เขาได้คิดหมายไว้ในใจ มิใช่ให้ด้วยนึกเสียดาย มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนนั้นที่ให้ด้วยใจยินดี
การถวายให้กับพระเจ้า เป็นยิ่งกว่าการถวายให้กับกษัตริย์
ดังนั้น ผู้ที่ได้มีส่วนในการถวาย ต้องตระหนักว่าเป็นสิทธิพิเศษ เป็นพระคุณที่พระเจ้าเปิดโอกาสให้เรามีส่วน
อย่าคิดว่าเป็นบุญคุณ เพราะคิดอย่างนั้นเมื่อไร พรที่เราควรจะได้รับหายไปทันที
ยิ่งมีส่วนมาก ยิ่งต้องขอบพระคุณมาก ถวายด้วยจิตสำนึกว่าเป็นพระคุณ
เรามีชีวิตได้ เรามีความเชื่อได้ เรามีโอกาสถวายได้ ถือว่าทุกอย่างเป็นพระคุณของพระเจ้า
ไม่ใช่บุญคุณที่เราจะอวดอ้างต่อพระเจ้า คริสตจักร หรือผู้รับใช้ของพระองค์

2.4 ให้เพื่อถวายเกียรติ ไม่มุ่งหาเกียรติ ให้ด้วยท่าทีและแรงจูงใจถูกต้อง
ฟป.4:20                  ขอให้พระสิริจงมีแด่พระเจ้าพระบิดาของเราสืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน
หลักการให้ของเราจะสูงส่งและสูงสุด ก็ต่อเมื่อเราให้เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า
หลายคนให้มาก แต่ไม่ได้รับพระพร เพราะให้ด้วยท่าทีที่ไม่ถูกต้อง
คือ แทนที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า กลับมุ่งแสวงหาเกียรติให้กับตัวเอง ...
เราต้องระวังเพราะมารอาจจะมีล่อลวงเราในเรื่องนี้ หรือพระเจ้าอาจจะวัดวุฒิภาวะและความเติบโตของเรา
ผ่านเกียรติ ผ่านตำแหน่ง ผ่านยศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆ ที่มาพร้อมการถวาย
ดังนั้น หนทางที่จะช่วยเราได้ดีที่สุด คือ ยิ่งคนชม ต้องยิ่งขอบคุณพระเจ้า ยิ่งเกิดผล ต้องยิ่งถ่อมตัวต่อพระองค์

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 14 มี.ค. 10 รอบเช้า                                               -6-                                                                 โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

3. ผลแห่งการให้อย่างถูกต้อง คือ สารพัดที่เราขาด จะรับการเพิ่มเติมจากคลังทรัพย์ของพระเจ้า
ฟป.4:19                  และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
ผลของการให้อย่างถูกต้อง คือ รับการอวยพรจากคลังทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระเยซูคริสต์
คลังนั้นจะไม่เทพรลงมา ถ้าเราถวายด้วยท่าทีที่ผิด ตรงกันข้าม ภัยจะเกิดขึ้นกับตัวเราด้วย
ตัวอย่าง อานาเนียกับสัปฟีรา ถวายไม่สัตย์ซื่อ ผล คือ ความตาย
กจ.5:3,9-10            ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า "อานาเนีย เหตุไฉนซาตาน {ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์)} จึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้, เปโตรจึงถามนางว่า "ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย" ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง
แต่การถวาย การให้อย่างถูกต้อง จะรับพระพรตามพระสัญญาของพระเจ้า

พระเจ้าทราบดีว่าชีวิตของเราขาดอะไร ต้องการอะไร และจำเป็นอะไร
เราอาจจะไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ขาดคนเข้าใจ ขาดปัญญา
ไม่ว่าเราจะขาดสิ่งใด พระเจ้าจะประทานสารพัดนั้นแก่เรา ถ้าเราถวายให้กับพระเจ้าอย่างถูกต้อง
2คร.9:8                   และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
พระพรของพระเจ้า ไม่เพียงดูแลความขาดแคลนของเราเท่านั้น
ยังให้เรามาก เพื่อเราจะแจกจ่ายให้กับผู้อื่นได้มากด้วย
คนของพระเจ้านั้น ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้รับจากพระเจ้า ยิ่งแจกจ่าย ก็ยิ่งมีเหลือเฟือ
นี่คือกฎของสวรรค์ เป็นกฎศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าเองทรงตั้งระบบไว้

ยน.3:27                  ยอห์นตอบว่า ไม่มีมนุษย์ผู้ใดได้รับสิ่งใดเลย นอกจากที่พระเจ้าทรงประทานจากสวรรค์ให้เขา
สวรรค์จะประทานอะไรให้แก่ใคร ต้องตระหนักว่าเขาผู้นั้นจะดูแลพรจากสวรรค์ได้
คนที่มีหัวใจของการให้ พระเจ้าไม่ลังเลที่จะประทานพร เพราะรู้ว่าเมื่อเขาได้พรมา เขาก็จะแจกจ่ายพรออกไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น