คำเทศนา อาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2009 “รอบเช้า” -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
เรื่อง “ กุญแจสู่ความดีเลิศ ” จาก “ ฟป.3:12-16 ”
ตอน 4 : โน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
ฟป.3:12-16 มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน อย่างที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้เป็นของพระองค์แล้ว ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้าข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงคิดอย่างนั้น และถ้าท่านคิดอย่างอื่น พระเจ้าก็จะทรงโปรดให้เรื่องนั้นประจักษ์แก่ท่านด้วยแต่เราได้แค่ไหนแล้ว ก็ให้เราดำเนินตรงตามนั้นต่อไป
ลูกพระเจ้า ต้องมีมาตรฐานที่ดีที่สุด คือ มุ่งสู่ความเป็นเลิศ
เมื่อเรามีภาพชัดเจนว่าชีวิตต้องมุ่งสู่ความดีเลิศ เพราะความดีเลิศเป็นมาตรฐานชีวิตคริสเตียน และเป็นมาตรฐานของการดำเนินชีวิตทุกเรื่อง เราไม่เพียงเป็นคนดีเท่านั้น แต่ต้องเป็นคนดีที่พัฒนาด้วย
มนุษย์จะบริหารชีวิตไปสู่ความดีเลิศได้
* ต้องบริหารความเข้าใจตัวเองเสียก่อน ... ปราชญ์รู้กำลังตน คนไม่รู้กำลังตน ไม่ใช่ปราชญ์
* ต้องรู้ความเข้มแข็งและความอ่อนแอของตัวเอง
ความเข็มแข็ง ... มีเพื่อปกป้องตัวเอง และช่วยเหลือผู้อื่น
ความอ่อนแอ ... มีเพื่อทำให้เราอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น
เราอ่อนตรงไหน แข็งตรงไหน เด่น ด้อย ตรงไหน ต้องเข้าใจตนเอง
คนเข้าใจตนเอง คือ คนที่เป็นปราชญ์ คนไม่เข้าใจตนเอง คือ คนลืมตัว คนเสียสติ
* ต้องบริหารความรู้สึกของตนเองได้
ความรู้สึกมีได้ แต่ต้องมีสติ ... คนที่ไม่มีความรู้สึก คือ คนที่ตายไปแล้ว
และกุญแจดอกที่ 4 ที่จะนำเราไปสู่ความดีเลิศ คือ โน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
โน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
ฟป.3:13-14 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
เราจะมีชีวิตที่ดีเลิศ ต้องโน้มตัวไปข้างหน้า บากบั่นสู่หลักชัย เพื่อไปรับรางวัลจากพระเจ้า
วว.21:5 พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า "ดูเถิด เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่" และพระองค์ตรัสอีกว่า "จงเขียนไว้เถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์ซื่อและสัตย์จริง"
เราต้องเลียนแบบพระเจ้า ... พระองค์จะสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่
สิ่งเก่าที่เราทำ แม้บางอย่างยังทำไม่สำเร็จ แต่เราต้องกล้าที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่
เพราะ “สิ่งใหม่” จะเป็นพลังผลักดันให้เราทำสิ่งเก่าได้สำเร็จ
กุญแจดอกที่ 3 คือ การลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว
อะไรผ่านมาแล้ว ก็ขอให้ลืมมันไป ผิดเป็นครู ผิดเป็นข้อมูล เพื่อเราจะเข้าใจคนผิด เพราะเราเองก็เคยผิด
แต่เราจะทำสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2009 “รอบเช้า” -2- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
1. เป็นผู้ก้าวหน้าเสมอ แม้ “ก้าวช้า” แต่ไม่เคย “ถอยหลัง”
คนที่โน้มตัวไปข้างหน้า คือ คนที่ก้าวหน้าเสมอ
แม้ก้าวช้าไม่เป็นไร แต่ไม่เคยถอยหลัง
คนอยู่กับที่ คือ คนที่ถอยหลัง ... คนที่ก้าวช้า แต่ไม่ถอย ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ก้าวหน้า
เราต้องก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ สู้บนความถูกต้องชอบธรรม
แม้เจอปัญหาก็ไม่ท้อแท้ หรือท้อถอย
คนมีอนาคต คือ คนที่โน้มตัวออกไปข้างหน้า
เดินต่อไปไม่หยุด รักษาย่างเก้า รักษาการก้าวหน้า
ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้เรากลุ้ม ปัญหายิ่งฝ่าฟัน ยิ่งทำให้เราแหลมคม
จำไว้ว่า ยิ่งยาก ยิ่งมีคุณค่า ยิ่งยาก ยิ่งภาคภูมิใจ
อับราฮัม ลินคอล์น เคยกล่าวไว้ว่า “ผมเป็นคนช้า แต่ผมไม่เคยถอยหลัง”
หนุนใจและสอนเราเป็นอย่างดี ไม่ใช่คนเร็วเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ
แต่คนช้าที่ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
ตัวอย่างนิทานอีสป เรื่อง “กระต่าย” กับ “เต่า” ก็สอนเราได้เป็นอย่างดี
กระต่ายที่วิ่งเร็ว ทะนงในความเร็วของตัวเอง หยุดอยู่กับที่
ในขณะที่เต่าตัวน้อย แม้เดินช้า แต่ก็ไม่เคยหยุดเดิน ที่สุดก็สามารถเข้าเส้นชัยก่อนกระต่ายได้
2. จะก้าวหน้า หรือโน้มตัวไปข้างหน้าได้ ต้องเป็นผู้บุกเบิก
เราเป็นอย่างไร เพราะเราถูกสร้างมาอย่างนั้น
เราจะก้าวหน้าได้ ต้องเป็นผู้ที่บุกเบิก และบากบั่น
2.1 “บุก” หมายถึง มีใจเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ แม้ต้องเจ็บ เหนื่อย และเสี่ยง
ใจต้องมาก่อน ... ต้องเด็ดเดี่ยว และแน่วแน่
ต้องยอมรับว่า การก้าวไปข้างหน้า ย่อมเจอแรงเสียดทาน ต้องเหนื่อย ต้องเจ็บ ต้องเสี่ยง ต้องทน
ท่องไว้ว่า “เขาก็คน เราก็คน เขาก็ทำได้ เราก็ทำได้”
“ไม่มีใครเก่งมาจากท้องแม่ ทุกคนมาเก่งนอกท้องแม่ทั้งนั้น”
ถ้าเกิดเป็นนก ไม่ว่าจะเป็นนกชนิดใดย่อมบินได้ทั้งสิ้น
ถ้าวันนี้พระเจ้าสร้างเราเป็นนกกระจิบ จงบินและทำรังให้ดีที่สุดอย่างนกกระจิบ
อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับนกอินทรี ... เราทุกคนก้าวหน้าได้ ในรูปแบบของตัวเราเอง
อีกสิ่งที่ต้องตระหนัก เมื่ออยากก้าวหน้า คือ ความเสี่ยงกับโอกาสและอนาคตเป็นของคู่กันและไปด้วยกัน
อยากมีอนาคต อยากมีโอกาส แต่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ... ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย
ทุกคนที่พบความสำเร็จ ล้วนต้องพบความเสี่ยงทั้งสิ้น
นักรบทุกคนล้วนมีบาดแผล ... เราต้องเป็นนักรบ นักสู้ชีวิต
ต้องเป็นผู้ที่กล้า “บุก” จึงจะสามารถก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้เราได้
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2009 “รอบเช้า” -3- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
2.2 “เบิก” คือ เบิกทาง เบิกตา เริ่มจากศูนย์ มุ่งไปหาสิ่งใหม่
เมื่อเราต้องไปบุกป่าฝ่าดง ... ต้องมีการถางป่า เพื่อให้เกิดทาง
การบุกเบิก ก็เป็นลักษณะเดียวกันนั้น ... ต้องเริ่มจากศูนย์ ไปหาสิ่งใหม่
เช่น โคลัมบัส มุ่งไปข้างหน้า เพื่อหาโลกใหม่ ในที่สุด ก็ค้นพบทวีปอเมริกา
เขาบุกเบิก เขาถางทางไว้ให้คนรุ่นหลังเดินตามได้
คุณวินทร์ เลียววาริณ เคยเขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า
หลายครั้งเราต้องทำตัวเหมือนหนอนในแอปเปิ้ล คือ ชอนไชไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะไปโผล่ตรงจุดใด
แต่ผล คือ มันได้กินแอปเปิ้ลจนอิ่ม
บุกเบิก บากบั่น เป็นภาพของความยากลำบาก แต่เราจะเห็นคุณค่าเมื่อมันสำเร็จ
ตรงกับพระคัมภีร์ คือ ซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อยพระเจ้าจะเพิ่มเติมสิ่งใหญ่ให้
มธ.25:23 นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"
2.3 บุกเบิก ต้องมีความอึด และอดทน
การที่จะเป็นผู้บุกเบิกได้ ต้องอาศัยความอึดและความอดทน
โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ท่านประสบความสำเร็จในการค้นพบ ในการประดิษฐ์สิ่งต่างๆ มากมาย
แต่ท่านกล่าวว่า “ การจะประสบความสำเร็จได้ 99% คือ ความอึด ในขณะที่อีก 1% คือ อัจฉริยภาพ”
แม้เราช้า แต่เราสามารถไปถึงหลักชัยได้ ถ้าเรามีความอึด และอดทน
ชีวิตเหมือนกีฬา ... วัดกันที่เส้นชัย ไม่ใช่จุดเริ่มต้น
และระหว่างทางนั้นพระเจ้าทรงเชียร์ให้เราทุกคนไปถึงเส้นชัยนั้น
มธ.24:13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด
เราต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทำจนถึงที่สุด
โดยดูตัวอย่าง มด ปลวก หรือผึ้ง สัตว์ตัวเล็กๆ ที่มีความอึดและความอดทนอย่างยิ่งใหญ่
ถ้าพวกมันทำได้ เราก็ต้องทำได้เช่นกัน
3. โน้มตัวไปข้างหน้า หมายถึง สร้างสรรค์
เมื่อวานนี้ คือ เมื่อวาน เมื่อวาน คือ อดีต
แต่ปัจจุบัน คือ วันนี้ และอนาคตข้างหน้ากำลังรอเราอยู่
อย่ามัวตรมและติดอยู่กับอดีต ... ถ้ามีคนทิ้งเราไป ก็อย่ากังวล หาคนใหม่
ใครๆ อยากคบกับคนที่ก้าวหน้า และประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น
ชีวิตเรา ต้องเลือกเอา อยากให้คน “สงสาร” หรือ “อิจฉา”
“สร้างสรรค์” คือ การสร้าง
จะมีมิตรได้ ต้องสร้างมิตร, จะมีงานได้ ต้องสร้างงาน
แต่ต้องสร้างอย่างสร้างสรรค์ อย่าสร้างศัตรู
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2009 “รอบเช้า” -4- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
ศัตรูของเรา คือ ความบาป ความจน โรคภัยไข้เจ็บ ผีมารซาตาน ไม่ใช่ “คน”
“สร้างสรรค์” ต่างจากการ “เพ้อเจ้อ” ตรงที่ “ลงมือกระทำ”
เพ้อเจ้อ คือ มีแต่พูด มีแต่ฝัน มีแต่คิด โดยไม่ลงมือกระทำ
นั่งรอ นอนรอ ความสำเร็จ แต่ไม่เคยลงมือกระทำ
สร้างสรรค์ คือ มีความคิด เห็นหนทาง ลงมือทำ
ไม่ถึง ไม่สำเร็จ ไม่เสร็จงาน ... ไม่เลิกรา
เงาของใครก็เหมือนคนนั้น เงาพระเจ้าอยู่ในเรา เราต้องเหมือนพระเจ้า
ปฐก.1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและ ฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
เราเป็นพระฉายพระเจ้า พระเจ้าเราดี พระเจ้าเมตตา พระเจ้าชอบธรรม พระเจ้าสร้างสรรค์
เราต้องเป็นอย่างที่พระเจ้าเป็น (แต่เราไม่ได้เป็นพระเจ้า)
เราเป็นพระฉาย เราต้องแสดงพระฉาย เราต้องก้าวหน้า
ตัวอย่าง
พระเจ้าพระบิดา พิสูจน์ความรักแท้ต่อมนุษย์ โดยการประทานพระบุตร
ยน.3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าพระเยซู พิสูจน์ความรักแท้ต่อมนุษย์ โดยการสิ้นพระชนม์
รม.5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
นี่คือ ความสร้างสรรค์ ไม่ใช้เพ้อเจ้อ ไม่ใช่ดีแต่พูดว่ารัก โดยไม่ทำอะไรเพื่อช่วยคนที่รักเลย
ข้อคิด
ถ้าเราเป็นคนสร้างสรรค์ เราจะพบความสำเร็จ
ถ้าเราดีแต่พูด โดยไม่ทำ เราก็ดูถูกตัวเอง และหยิบยื่นความล้มเหลวให้ตัวเอง
ไม่มีใครเหยียดหยามเราได้ นอกจากตัวเรา
และไม่มีใครทำให้เราพบความสำเร็จและภาคภูมิใจได้ นอกจากตัวเราเองเช่นกัน
4. โน้มตัวไปข้างหน้า คือ การพัฒนา
คนดีแท้ คนดีเลิศ ... ดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องพัฒนาด้วย
สังคมไทยสูงส่ง แต่ไม่สูงสุด
เพราะเน้นที่ความดี เน้นที่คนดี แต่ไม่ค่อยเน้นเรื่องการพัฒนา
ไม่เน้นการต่อยอด ไม่เน้นความก้าวหน้า ... เราจึงไปสู่ความดีเลิศไม่ได้
คนจะมุ่งสู่ความดีเลิศ ต้องเป็นทั้ง “คนดี” และ “คนเก่ง” ในคนๆ เดียวกัน
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2009 “รอบเช้า” -5- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
คนเก่ง คือ คนที่พัฒนา
การก้าวไปข้างหน้า คือ การพัฒนา
หากอยากก้าวหน้า เราต้องพัฒนา ต้องกล้าปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ
พันธกิจของคริสตจักร คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เป็นการ “เติม” สิ่งที่เขา “ขาด” อยู่ให้เต็ม
เป็นการ “ต่อยอด” สิ่งที่เขา “มีอยู่แล้ว” ให้ดีขึ้น
ถ้าเราเป็นผู้นำ เราต้องคิดเสมอว่า จจะทำอย่างไรจึงจะเติม และต่อยอดให้ผู้อื่นได้
ทำให้ชีวิตของเขาสูงขึ้น ดีขึ้น และดีเลิศ
ยน.10:10 ...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
พระเยซูมาให้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
เราต้องถามและตอบตัวเองให้ได้ว่า เราอยู่ในคริสตจักรของพระเจ้า
เรารับการเติมเต็มในสิ่งที่ขาด และเรารับการต่อยอดในสิ่งที่เรามีหรือไม่?
เราเจริญขึ้น เราพัฒนาขึ้น เราก้าวหน้าขึ้นหรือไม่?
กท.2:6 และจากพวกเหล่านั้นที่เขาถือว่าเป็นคนสำคัญ (เขาจะเคยเป็นอะไรมาก่อนก็ตาม ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับข้าพเจ้าเลย พระเจ้ามิได้ทรงเห็นแก่หน้าผู้ใด)คนเหล่านั้นซึ่งเขาถือว่าเป็นคนสำคัญ ไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย
พระวจนะตอนนี้ เปาโลผู้ซึ่งถือว่าเป็นยอดปราชญ์ เป็นคนกล่าวคำนี้
คนที่คิดว่าสำคัญในคริสตจักร แต่ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรให้แก่ใคร ก็ไม่มีประโยชน์
เหมือนกับ คนดีที่ไม่พัฒนา ... ไม่มีประโยชน์อะไร
ถ้าเราดีอยู่แล้ว ต้องคิดเสมอว่าจะดีกว่าเดิมได้อย่างไร
ดีกว่าแล้ว ต้องดีมากขึ้นจนถึงความดีเลิศ
ดังนั้น การโน้มตัวไปข้างหน้า จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ท้าทายความสามารถของเรา
อย่างที่กล่าวแล้วว่า “ยิ่งยาก ยิ่งมีคุณค่า ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย”
ทั้งท้าทายความสามารถของตัวเราเอง และท้าทายความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
5. ผลของการโน้มตัวไปข้างหน้า คือ ถวายพระเกียรติและเป็นประโยชน์
ผลของกุญแจทั้ง 4 ดอก จาก ฟป.3:12-16 อันได้แก่
1) บากบั่นมุ่งไป
2) ฉวยโอกาส
3) ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย
4) โน้มตัวไปข้างหน้า
ทำให้เรามีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า และมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น
ยน.15:8 พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น