วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่อง “ เหตุผลที่พระเจ้าเกิดเป็นมนุษย์ ”

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -1-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

เรื่อง เหตุผลที่พระเจ้าเกิดเป็นมนุษย์

ในพระคัมภีร์ ไม่ได้มีการระบุวันเกิดของพระเยซูคริสต์ที่ชัดเจน มีเพียงการบันทึกถึงเรื่องราวการบังเกิดของพระองค์เท่านั้น แต่เหตุผลที่คริสเตียนมีการจัดงานคริสตมาสในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี เนื่องจากเดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมันกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ โดยตั้งแต่ปี ค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เหมือนว่าเป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย แต่ผู้เชื่อที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูคริสต์แทน เพราะอย่างน้อยที่สุดทุกคนก็มั่นใจว่าพระองค์บังเกิดในช่วงฤดูหนาว และตั้งแต่ปี ค.ศ.330 คริสเตียนจึงเฉลิมฉลองคริสตมาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย
ที่จริงแล้วช่วงเวลาการเกิดของพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้เชื่อควรรู้ แต่สิ่งที่ผู้เชื่อควรรู้ คือ ทำไมพระเจ้าต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ เหตุผลใดที่พระเยซูคริสต์ต้องมาบังเกิดในโลกมนุษย์ เหตุผลนั้นไม่เพียงสำคัญในการดำเนินชีวิตคริสเตียนเท่านั้น แต่สำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ด้วย

เหตุผลที่พระเจ้าเกิดเป็นมนุษย์
1. พระเยซูคริสต์เกิดมาเพื่อทำลายอำนาจของมารซาตาน
พระเยซูคริสต์ ต้องบังเกิดมาเพื่อช่วยมนุษย์ ก็เพราะมนุษย์คู่แรกได้ทำผิดต่อพระเจ้า
ผลของความบาปจึงตกอยู่กับมนุษย์ทุกคน
ปฐก.3:14-15          พระเจ้าจึงตรัสแก่งูว่า "เพราะเหตุที่เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งมากกว่า สัตว์ใช้งานและสัตว์ป่าทั้งปวง จะ ต้องเลื้อยไปด้วยท้อง จะต้องกินผงคลีดินจนตลอดชีวิต เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าและพงศ์พันธุ์ของเขาด้วย พงศ์พันธุ์ของหญิงจะทำให้หัวของ เจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ
พระวจนะตอนนี้เป็นปฐมเหตุที่ทำให้พระเยซูคริสต์ต้องบังเกิดมาในโลกนี้
ก็เพราะว่ามารซาตานได้ล่อล่วงคนของพระเจ้าให้ทำบาป พระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยมนุษย์ให้พ้นบาปได้
หลังจากเหตุการณ์นี้ งู กับ มนุษย์ จึงเป็นศัตรูกัน และ งู เป็นตัวแทนของมารซาตาน
พระเจ้าตรัสว่า พงศ์พันธุ์ของหญิง จะทำให้ หัวของงู แหลก
พิษงูอยู่ที่หัว ในสงครามหากมีการตัดหัวแม่ทัพได้ ทั้งกองทัพก็พ่ายแพ้ไปด้วย
พระเจ้าจะทำลายพิษของงู หรืออำนาจของมารซาตาน ด้วยพงศ์พันธุ์ของหญิง
พงศ์พันธุ์ของหญิง คือ พระเยซูคริสต์
ไม่มีใครทำให้อำนาจของมารซาตานแหลกได้ ยกเว้นพระเยซูคริสต์เท่านั้น

มนุษย์ทั้งโลกเป็นพงศ์พันธุ์ของชาย คือ ต้องมีเชื้ออสุจิจากผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงจึงจะตั้งครรภ์ได้
มีเพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่เป็นพงศ์พันธุ์ของหญิง เพราะพระองค์บังเกิดโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์
ผ่านครรภ์ของหญิงพรมจรรย์ คือ นางมารีย์
ลก.1:26-35             เมื่อถึงเดือนที่หก พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์กาเบรียลนั้น ให้มายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ชื่อนาซาเร็ธมาถึงหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง ที่ได้หมั้นกันไว้กับชายคนหนึ่งที่ชื่อโยเซฟ เป็นคนในเชื้อวงศ์ดาวิด หญิงพรหมจารีนั้นชื่อมารีย์ทูตสวรรค์เข้าบ้านมาถึงหญิงพรหมจารีนั้น แล้วว่า "เธอผู้ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดปรานมาก จงจำเริญเถิด พระเป็นเจ้าทรงสถิตอยู่กับเธอ"ฝ่ายมารีย์ก็ตกใจเพราะคำของทูตนั้น และรำพึงว่า คำทักทายนั้นจะหมายว่าอะไรแล้วทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่เธอว่า "มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะเธอเป็นที่พระเจ้าทรงโปรดปรานแล้วดูเถิด เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู "บุตร

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -2-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

นั้นจะเป็นใหญ่ และจะทรงเรียกว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระเจ้าจะทรงประทานพระที่นั่งของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่านและท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่รู้จักสิ้นสุดเลย"ฝ่ายมารีย์ทูลทูตสวรรค์นั้นว่า "เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปอย่างไรได้ เพราะข้าพเจ้ายังหาได้ร่วมกับชายไม่"ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาบนเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เหตุฉะนั้นบุตรที่จะเกิดมานั้นจะได้เรียกว่าวิสุทธิ์และเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า
พระวจนะตอนนี้ นอกจากจะบ่งบอกว่าพระเยซูคริสต์เป็นพงศ์พันธุ์ของหญิงแล้ว
พระวจนะยังกล่าวถึงการทำนายชีวิตของพระเยซูคริสต์อีกด้วย
แผ่นดินและอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งที่หากมองด้วยสายตาของมนุษย์ยากในการเป็นไปได้
พระองค์เกิดอย่างต่ำต้อย โตมาในชุมชนคนยากจน สาวกเป็นชาวบ้านธรรมดา และตายอย่างทรมาน
แต่ปัจจุบันเราสามารถพิสูจน์ความจริงข้อนี้ได้ ศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของโลก คือ ศาสนาคริสต์
ผู้คนส่วนใหญ่ของโลก พากันตกหลุมรักพระเยซูคริสต์ ทั้งๆ ที่เรามองไม่เห็นพระองค์
นี่คือ ความอัศจรรย์ของอาณาจักรพระเจ้า
ทุกอาณาจักรมีขึ้นและมีลง มีสูงสุดและมีเสื่อมสูญ
มีเพียงอาณาจักรของพระเจ้าเท่านั้นมีแต่ขึ้นทางเดียว และจะยังคงอยู่ถาวรเป็นนิรันดร์

ทำไม? อำนาจของมารซาตาน จึงต้องถูกทำลายด้วยพระเยซูคริสต์เท่านั้น
1.1 เพราะมนุษย์ไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกันเอง แต่เรากำลังต่อสู้กับมารซาตานและวิญญาณชั่ว
อฟ.6:12                  เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ
เบื้องหลังความชั่ว อคติ ความโกรธ ความเกลียด ความวุ่นวายของโลก คือ มารซาตาน ไม่ใช่ มนุษย์ด้วยกันเอง
มก.5:8-9, 12-13      ที่พูดเช่นนี้ เพราะพระองค์ได้ตรัสแก่มันว่า "อ้ายผีโสโครก จงออกมาจากคนนั้นเถิด"แล้วพระองค์ตรัสถามชายนั้นว่า "เอ็งชื่ออะไร" มันตอบว่า "ชื่อกอง เพราะว่าพวกข้าพระองค์หลายตนด้วยกัน", ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า "ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าในสุกรเหล่านี้เถิด" พระองค์ก็ทรงอนุญาต แล้วผีโสโครกนั้นจึงออกไปเข้าสิงอยู่ในสุกร สุกรทั้งฝูงประมาณสองพันตัวก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลสำลักน้ำตาย
มารซาตานประมาณ 2 พันตัว รุมทำลายชีวิตของมนุษย์ 1 คน
ด้วยกำลังของมนุษย์เอง ไม่สามารถต่อสู้หรือเอาชนะมารได้ มารไม่กลัวเงิน มารไม่กลัวเกียรติ มารไม่กลัวความรู้
มารกลัวอย่างเดียว คือ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า

เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมทุกศาสนามีคำสอนที่ดี แต่มนุษย์ยังทำสิ่งที่ชั่วเลวไม่มีสิ้นสุด
ปรัชญาของปราชญ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีแนวคิดดีๆ มากมาย แต่โลกกลับวุ่นวายขึ้นทุกวัน
การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นทุกวัน แต่มนุษย์ก็เลวลงทุกวัน
พิธีกรรม ศีล ระเบียบปฏิบัติของศาสนา ทำไมไม่เพียงพอที่จะทำให้มนุษย์พ้นทุกข์พบสุข พ้นกรรมรับชีวิตนิรันดร์
คำตอบ คือ ทุกศาสนาดี ทุกคำสอนของปราชญ์ดี ทุกพิธีกรรมดี แต่มนุษย์ไม่มีกำลังทำให้สำเร็จ
เพราะเราตกอยู่ใต้อำนาจของมารซาตาน
ก่อนพระเยซูคริสต์มา ก็มีศาสนามากมาย พระองค์ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำลายศาสนาเดิมหรือตั้งศาสนาใหม่
แต่พระองค์เกิดมาเพื่อทำลายกิจการของมารซาตาน พระองค์มาเพื่อทำให้ทุกศาสนาสำเร็จสมบูรณ์
ศาสนานั้นสูงส่ง แต่พระเจ้าเท่านั้นสูงสุด

คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -3-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

มธ.5:17                   อย่าคิดว่าเรามาเลิกล้างธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะ เรามิได้มาเลิกล้าง แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
รม.8:3-4                 เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงกระทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป {หรือ เป็นเครื่องบูชาไถ่คนจากบาป} พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงปรับโทษบาป เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้จะได้สำเร็จในตัวเราทั้งหลาย ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลัง พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จผ่านพระเยซูคริสต์
สำหรับมนุษย์นั้น ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ก็อยู่ในโลกใบเดียวกัน
ชีวิตหลังความตายก็เช่นเดียวกัน นรกและสวรรค์มีไว้สำหรับคนทุกศาสนา
หลังจากความตายแล้ว จิตวิญญาณของมนุษย์จะต้องไปที่เดียวกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
และมารซาตานโจมตีมนุษย์ทุกคน ไม่เลือกว่าศาสนาใด

1ยน.5:19                                เราทั้งหลายรู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า และชาวโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย
มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ไม่มีเว้น ล้วนตกอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย
(ตั้งแต่อดัมและเอวาทำผิดกับพระเจ้า ผลแห่งความบาปนั้นตกกับมนุษย์ทุกคน)

มธ.9:36                   พระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง
พระเจ้าเห็นฝูงชนที่ถูกรังควานด้วยมารซาตาน จึงสงสาร และพระเยซูคริสต์จึงต้องเกิดมาเพื่อช่วยเราให้พ้นมารนั้น
เบื้องหลังความชั่ว เบื้องหลังความเลว เบื้องหลังความตกต่ำ ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ แต่เกิดจากมาร
พระเจ้าเท่านั้นช่วยเราได้ ฤทธิ์อำนาจของมาร ต้องถูกปราบด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเท่านั้น

1ยน.5:4-5               เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง
ทางเดียวที่จะทำให้มนุษย์เอาชนะมารซาตานได้ คือ ความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์
คนที่ชนะโลก คนที่ชนะมาร คือ คนที่มีความเชื่อในพระเจ้า ด้วยเหตุนี้พระเยซูคริสต์ จึงต้องมาบังเกิดเพื่อเรา

ลก.10:19-20           ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์
พระเยซูคริสต์เท่านั้น มีอำนาจเหนือผีร้าย และพระองค์ประทานอำนาจนั้นให้กับผู้เชื่อทุกคน
ตั้งแต่วันนั้น คือ วันที่อดัมและเอวาทำบาป จนกระทั่งวันนี้ ทางรอดจากมาร มีทางเดียวเท่านั้น คือ ความเชื่อในพระเยซูคริสต์
ถ้าเรามีความเชื่อในพระองค์ ผีร้าย มารร้าย ลางร้าย สิ่งร้ายๆ จะไม่สามารถทำอันตรายแก่เราได้
ด้วยอำนาจของพระเจ้าเท่านั้น ทำให้เราเอาชนะมารซาตานได้

1.2 เมื่อมนุษย์ยังไม่ได้พบพระเจ้า ก็ตกเป็นทาสของวิญญาณต่างๆ
มนุษย์ไม่ว่ายุคใดก็แล้วแต่ ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันและเลยไปถึงอนาคต
หากเขาไม่ได้พบพระเจ้า ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า
เขาก็ยังต้องตกอยู่ใต้อำนาจของมารซาตานและเป็นทาสของวิญญาณต่างๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -4-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

กท.4:3-5                 ฝ่ายเราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับของภูตผีปิศาจแห่งสากลจักรวาล แต่เมื่อครบกำหนดแล้วพระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติเพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร
สิ่งที่แสดงออกถึงการตกเป็นทาสของวิญญาณต่างๆ คือ เส้นลายมือ เวลาตกฟาก วันเดือนปีเกิด โหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย ฤกษ์ยาม
วัตถุมงคล ต้นไม้มงคล บุคลิกลักษณะของแต่ละคน (ตา หู จมูก ปาก) ชื่อนามสกุล ฯลฯ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คนที่ไม่มีพระเจ้า จะตกเป็นทาสของบางสิ่งอยู่เสมอ
แต่หลักการสำหรับคนของพระเจ้า คนที่พบพระเจ้า คนที่เชื่อพระเจ้า
คือ ชีวิตของเราจะได้ดีหรือไม่ ขึ้นกับการกระทำของเราเองและขึ้นกับพระคุณของพระเจ้า
ถ้าเราทำดี และมีพระเจ้าดี ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด ชีวิตของเราก็ได้ดีอย่างแน่นอน
เมื่อก่อนเราเป็นทาส แต่เดี๋ยวนี้มีเจอพระเยซูคริสต์แล้ว เราเป็นไท มีอิสรภาพ มีเสรีภาพฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง
นี่คือเหตุผลที่พระองค์ต้องบังเกิดมา ถ้าพระองค์ไม่เกิดมา มนุษย์ก็ยังต้องเป็นทาสมารซาตานต่อไป

1.3 มนุษย์ตกเป็นทาสของวิญญาณชั่วมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่พระเยซูคริสต์บังเกิด
วันที่พระเยซูคริสต์บังเกิดนั้น มารซาตานสะดุ้งสะเทือนและรู้ว่าพระองค์มาเพื่อทำลายพวกมัน
ดังนั้น ตั้งแต่ก่อนที่พระเยซูคริสต์บังเกิด มารซาตานตามล่าพระองค์ทันที
มธ.2:1-3, 8-13        พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า "กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน" ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้วก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย , แล้วท่านได้ให้พวกโหราจารย์ไปยังบ้านเบธเลเฮมสั่งว่า "จงไปค้นหากุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เรา เพื่อเราจะได้ไปนมัสการท่านด้วย" โหราจารย์เหล่านั้น จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งเขาได้เห็นเมื่อปรากฏขึ้นนั้นก็ได้นำหน้าเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้นเมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก ครั้นเข้าไปในเรือนก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบแล้วพวกโหราจารย์ได้ยินคำเตือนในความฝัน มิให้กลับไปเฝ้าเฮโรด เขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่นครั้นเขาไปแล้วก็มีทูตองค์หนึ่งของพระเป็นเจ้า ได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า "จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย"
มารซาตานต้องตามล่าพระเยซูคริสต์ เพราะพวกมันรู้ดีกว่า พระองค์เท่านั้นมีฤทธิ์อำนาจในการทำลายมัน
แต่ในเหตุการณ์ทั้งปวง พระเจ้ามีชัยชนะเสมอ
คนของพระเจ้าก็เช่นกัน แม้เราจะโดนมารซาตานจ้องโจมตีเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ
แต่เราจะได้รับชัยชนะจากพระองค์เสมอ ถ้าเรามีความเชื่อในพระองค์
ในที่สุดเราก็เห็นว่าแผนการของพระเจ้าในการไถ่มนุษย์สำเร็จผ่านพระเยซูคริสต์

1.4 พระเยซูคริสต์เกิดมาเพื่อไถ่คนที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติให้เป็นบุตรพระเจ้า
กท.4:3-5                 ฝ่ายเราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับของภูตผีปิศาจแห่งสากลจักรวาล แต่เมื่อครบกำหนดแล้วพระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติเพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร
พระเจ้าเกิดมา เพื่อไถ่คนที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ให้เป็นบุตรพระเจ้า
พระเจ้าเกิดมา เพื่อไถ่คนที่อยู่ใต้ความบาป ให้เป็นผู้ชอบธรรม
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -5-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

พระเจ้าเกิดมา เพื่อไถ่คนที่มีกรรมมีเวร ให้เป็นผู้พ้นกรรม พ้นเวรอย่างแท้จริง

ทันทีที่ใครคนใดได้เชื่อและต้อนรับพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอด เขารับฐานะในการเป็นบุตรพระเจ้าทันที
ยน.1:12                  แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า
รม.8:14-17             เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำผู้ใด ผู้นั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า "อับบา" คือพระบิดา พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า และถ้าเราทั้งหลายเป็นบุตรแล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ เมื่อเราทั้งหลายทนทุกข์ทรมานด้วยกันกับพระองค์นั้น ก็เพื่อเราทั้งหลายจะได้ศักดิ์ศรีด้วยกันกับพระองค์ด้วย
พระเจ้าไม่เพียงเปลี่ยนฐานะคนอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ ให้เป็นบุตรของพระเจ้าเท่านั้น
แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ยังเข้ามาแทนที่วิญญาณชั่วที่เคยครอบครองเราด้วย
เมื่อก่อนเราอาจจะเข้าหาสิ่งที่คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้คำว่าลูกช้าง ลูกม้า ลูกหมา หรือลูกแมว
แต่เดี๋ยวนี้เราเป็น ลูกพระเจ้า พระองค์ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง เป็นพ่อของเรา
ดังนั้น เราจึงไม่ได้เป็นทาสอีกต่อไป แต่เราเป็นบุตรและเป็นทายาทของพระองค์

อฟ.2:2                    ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง
สิ่งเดียวที่จะเอาชนะเหนือวิญญาณชั่วที่ครอบครองเหนือเราได้ คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
เมื่ออดัมและเอวา ทำบาป พระวิญญาณบริสุทธิ์พรากไปจากเขา วิญญาณชั่วเข้าแทนที่
แต่พระเยซูคริสต์บังเกิดมา หากผู้ใดเชื่อวางใจ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะกลับเข้ามาในชีวิตของผู้นั้น
และวิญญาณของมารซาตานไม่สามารถครอบครองเราได้อีกต่อไป

2. ทันทีที่มนุษย์ทำบาป ก็เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
ทางเดียวที่พระสิริของพระเจ้าจะกลับคืนสู่มนุษย์ คือ การเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์
เหตุผลในการเกิดมาของพระเยซูคริสต์นั้น นอกจากมาเพื่อทำลายกิจการของมารซาตานแล้ว
พระองค์ยังมาเพื่อที่จะสวมพระสิริของพระเจ้าปกคลุมเหนือมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
ผ่านความเชื่อและไว้วางใจในพระองค์
ปฐก.3:6-7              เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้                  
เมื่ออดัมและเอวา ทำบาป คือ แทนที่จะเชื่อฟังพระเจ้า กลับไปเชื่อฟังมารซาตาน
เขาสำนึกว่าตัวเองกำลังเปลือยกาย ... ก่อนที่เขาจะทำบาป พระสิริของพระเจ้าเป็นอาภรณ์หุ้มห่อตัวมนุษย์
แต่ทันทีที่เขาทำบาป ก็เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
รม.3:23                   เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า

2.1 เมื่อสำนึกว่าเปลือยกาย มนุษย์ก็เอาใบมะเดื่อมาเป็นเครื่องปกปิดร่างกาย
ปฐก.3:7                  ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -6-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

เมื่อพระสิริพระเจ้าเสื่อม พวกเขาสำนึกว่าตัวเองเปลือยกาย จึงไปเอาใบมะเดื่อมาปกปิดความเปลือยนั้น
ใบมะเดื่อ คือ ศาสนาต่างๆ
ทุกคนที่ไม่มีพระเยซูคริสต์ ก็มีใบมะเดื่อปกปิดร่างกาย คือ ศาสนาต่างๆ ที่มนุษย์นับถือ
แต่ศาสนาไม่ว่าจะสอนดีแค่ไหน ก็มีข้อจำกัด ไม่สามารถช่วยมนุษย์ได้ทั้งหมด
เหมือนใบมะเดื่อ แห้งง่าย ขาดง่าย ไม่คงทนถาวร ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
ที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้หมายถึง ศาสนาต่างๆ ไม่ดี ... ทุกศาสนาสอนดี แต่มนุษย์มีความจำกัด ไม่สามารถทำได้อย่างที่สอนนั้น
เมื่อเรามาพบพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยในส่วนที่เราจำกัด ทำให้หลักการต่างๆ ของศาสนาสำเร็จในผู้เชื่อ

มนุษย์ทุกคน เหมือนคนที่ว่ายน้ำได้ แต่กำลังจะจมน้ำ เพราะเป็นตะคริว
มนุษย์ทุกคน รู้จักบาปบุญคุณโทษ รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี แต่ไม่มีกำลังในการทำดี และไม่มีกำลังในการเลิกชั่ว
รม.7:15-17             ข้าพเจ้าไม่เข้าใจการกระทำของข้าพเจ้าเอง เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ทำสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะทำ แต่กลับทำสิ่งที่ข้าพเจ้าเกลียดชังนั้น เหตุฉะนั้นถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะทำ และข้าพเจ้ายอมรับว่าธรรมบัญญัตินั้นดี
ในห้วงที่กำลังจะจมน้ำ หรือจมอยู่ในความบาปนั้น
เราไม่ต้องการคนบอกวิธีการว่ายน้ำ (เพราะเราว่ายเป็น) แต่เราต้องการคนช่วยเราจากน้ำ
ศาสนา เป็นเพียงผู้ที่บอกวิธีการว่ายน้ำ (ทั้งๆ ที่เรารู้แล้ว)
แต่พระเยซูคริสต์ เป็นผู้ที่ช่วยเราจากการจมน้ำนั้น ...

รม.8:3-4                 เพราะว่าสิ่งซึ่งธรรมบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าได้ทรงกระทำแล้ว โดยพระองค์ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ในสภาพเสมือนเนื้อหนังที่บาป และเพื่อไถ่บาป {หรือ เป็นเครื่องบูชาไถ่คนจากบาป} พระบุตรในเนื้อหนังจึงได้ทรงปรับโทษบาป เพื่อสิ่งที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้จะได้สำเร็จในตัวเราทั้งหลาย ผู้ไม่ดำเนินตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ
ธรรมบัญญัติ ทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ เพราะมนุษย์เป็นคนบาป
ใบมะเดื่อ ปิดบังความบาปชั่วได้เพียงชั่วคราว แต่ช่วยเราอย่างถาวรไม่ได้
ใบมะเดื่อม สวมเท่าใด เราก็ยังเปลือยกายอยู่ดี
ดูตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุด คือ ประเทศไทยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองพุทธศาสนา
ศาสนาสอนอย่างดี แต่เรื่องความชั่วประเทศไทยอยู่อันดับต้นๆ ของโลก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมา, เรื่องเพศ หรือเรื่องคอรัปชั่น
ความผิดไม่ได้อยู่ที่ศาสนาหรือคำสอน ความผิดอยู่ที่มนุษย์เป็นคนบาป
คำสอนของมนุษย์ ทำให้หลุดบาปไม่ได้ แต่พระเจ้าที่อยู่ในชีวิตของเราทำได้
พระเจ้าจึงต้องมาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเราลบบาปนั้นอย่างถาวร

2.2 พระเจ้าทำเสื้อหนังสัตว์แทนใบมะเดื่อให้มนุษย์
มนุษย์ทุกคนล้วนค้นหาชีวิตที่ดีกว่าและพัฒนาชีวิตสู่สิ่งที่ดีขึ้น
อะไรที่ทำให้มนุษย์พ้นนรกและพบสวรรค์ได้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
คำตอบนั้นมีเพียงคำตอบเดียว คือ พระเยซูคริสต์
ปฐก.3:17                พระองค์จึงตรัสแก่อาดัม {แปลว่า มนุษย์} ว่า"เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่น ดินจึงต้องถูกสาปเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต
พระเจ้าไม่อาจทนเห็นมนุษย์ตกอยู่ใต้บาปหรือแสวงหาทางรอดด้วยตัวเอง
คำเทศนา อาทิตย์ที่ 12 ธ.ค. 10 (รอบเช้า)                                             -7-                                                                   โดย ศจ.นิรุทธิ์  จันทร์ก้อน

พระองค์จึงต้องทำเสื้อหนังสัตว์แทนใบมะเดื่อให้กับมนุษย์
การกระทำของพระเจ้า บ่งบอกว่า พระองค์ต้องการให้เรามีเสื้อคลุมที่เต็มด้วยพระสิริของพระเจ้า
เมื่อพระสิริของพระเจ้าเสื่อม พระองค์ประทานหนังสัตว์ปกปิดกายให้มนุษย์
หนังสัตว์ คือ ชีวิตใหม่ที่พระเจ้าประทานให้ผู้เชื่อ
รม.10:3-4               เพราะว่าเขาไม่รู้จักความชอบธรรมที่พระเจ้าประทานให้ แต่อุตส่าห์ตั้งความชอบธรรมของตนขึ้น เขาจึงไม่ได้ยอมอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม

พระเจ้าประทานความชอบธรรมให้กับเรา แทนที่ความชอบธรรมที่มนุษย์ตั้งขึ้น (ใบมะเดื่อ)
พระคริสต์ เป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เป็นจุดจบของการตกเป็นทาส เป็นจุดจบของมารซาตาน
ผู้เชื่อทุกคนมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะตัวเราเองหรือเพราะธรรมบัญญัติ
แต่เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวเรา

จำไว้ว่า ผู้คนจะเถียงกันในหลักข้อเชื่อ ว่าของใครดีกว่าใคร
แต่ไม่มีใครสักคนสามารถเถียงเรื่องชีวิตใหม่ในตัวเราได้
เราเคารพผู้ที่มีใบมะเดื่อทุกคน เราเคารพทุกศาสนา แต่เราก็ต้องกล้ายอมรับว่านั่นไม่ใช่สิ่งถาวร
สิ่งเดียวที่คงทน ถาวรเป็นนิตย์นิรันดร์ คือ พระเจ้า
พระเจ้าประทานเสื้อคลุมจากสวรรค์ เสื้อคลุมแห่งความชอบธรรมให้กับเราทุกคน
เมื่อความคิด ความชอบธรรม พระวิญญาณบริสุทธิ์ปกคลุมอยู่ในชีวิตของผู้ใด
ผู้คนจะเห็นสวรรค์ เห็นแผ่นดินของพระเจ้าผ่านชีวิตของผู้นั้น
สิ่งที่ทุกศาสนาสอนไว้ จะสำเร็จในผู้นั้นเช่นกัน

สุดท้ายอยากจะหนุนใจทุกท่านว่า
ชีวิตของมนุษย์ ก็เหมือนกับกระดาษ 1 แผ่น
ปลิวง่าย ขาดง่าย เปื่อยง่าย ท้อแท้ง่าย ท้อถอยง่าย ทำบาปได้ง่าย
ส่วนความชอบธรรมของพระเจ้า เหมือนพระคัมภีร์ 1 เล่ม
ถ้าเรานำกระดาษไปซ่อนไว้ในพระคัมภีร์ ... เราจะไม่สามารถมองเห็นกระดาษแผ่นนั้น มองอย่างไรก็เห็นแต่พระคัมภีร์
กระดาษแผ่นนั้นไม่ปลิวง่าย ขาดง่าย อีกต่อไป เพราะมันซ่อนตัวอยู่ในพระคัมภีร์
ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตของมนุษย์ เมื่อซ่อนอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า
คือ การที่เราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ผู้ที่บังเกิดมาเพื่อเรา
สวรรค์มองลงมา ไม่เจอความบาปของเราอีกต่อไป มองเห็นแต่ความชอบธรรมของพระเจ้า

2คร.5:17                 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
ชีวิตใหม่เกิดขึ้นในเราทุกคนได้ ถ้าเราอยู่ในพระเยซูคริสต์ เชื่อในพระเยซูคริสต์
เรามั่นใจว่าหลังความตายจะมีชีวิตนิรันดร์และหลังจากความตายเราจะได้ไปสวรรค์ร่วมกันกับพระองค์
เพราะขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ พระองค์ได้นำสวรรค์ลงมาในชีวิตของเราเรียบร้อยแล้ว
นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ และคือเหตุผลที่พระเยซูคริสต์ต้องบังเกิดมาในโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น