คำเทศนา อาทิตย์ที่ 9 ม.ค. 11 (รอบเช้า) -1- โดย ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน
เรื่อง “ วัคซีนป้องกันความล้มเหลว ”
มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการประสบความสำเร็จ ไม่มีใครอยากล้มเหลวในชีวิต แต่กว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จได้ จะมีโรคบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตเป็นระยะๆ เพื่อบั่นทอนกำลังใจเราไม่ให้ก้าวไปพบความสำเร็จ โรคบางอย่างนั้น ได้แก่ งานหนัก เจอคำตำหนิรุนแรง ไม่มีคนเข้าใจ เกิดความเหน็ดเหนื่อย เกิดความท้อใจ และถดถอยในการทำสิ่งต่างๆ หลายคนไม่สามารถผ่านโรคที่ว่านั้นไปได้ ทำให้พบกับความล้มเหลว แทนที่จะประสบกับความสำเร็จ
แต่โรคร้ายนั้น สามารถป้องกันได้ด้วย “วัคซีน”
แนวคิดจากพระวจนะของพระเจ้าในคำเทศนาตอนนี้ จะเป็นวัคซีนที่ดีในการป้องกันความล้มเหลว ... แน่นอนว่าการฉีดยา ย่อมก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากการฉีดวัคซีน สามารถป้องกันชีวิตไม่ให้พบกับความล้มเหลวได้ ขึ้นอยู่กับว่าเรากล้าที่จะรับมันหรือไม่? กล้าที่จะฉีดมันเข้าในชีวิต เพื่อป้องกันความล้มเหลวหรือไม่?
ฉธบ.28:13 ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะกระทำตาม พระเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่เป็นหาง กระทำให้สูงขึ้นทางเดียวมิใช่ให้ต่ำลง
ถ้าเราเชื่อฟังและดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า ชีวิตของเราจะมีแต่สูงขึ้นทางเดียว ไม่มีตกต่ำลง มีแต่ประสบความสำเร็จ ไม่มีทางที่จะพบกับความล้มเหลว
ในโลกใบนี้ ไม่มีมนุษย์คนใดดีพร้อม ทุกคนล้วนมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขทั้งสิ้น ในความบกพร่อง ในจุดอ่อน ในจุดด้อยของเรานั้น พระเจ้าจะมีแนวคิดที่จะเป็นวัคซีนป้องกันความล้มเหลว ดังนี้
1. เมื่อเจองานหนัก ต้องพูดกับตัวเองเสมอว่า “นี่เป็นโอกาสในการพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นมืออาชีพ”
ระหว่างทางเดินของชีวิต จะมีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เราท้อ ส่วนหนึ่งนั้น คือ งานหนักที่เราต้องเผชิญ
ยิ่งงานหนักมาก ยิ่งท้อมาก ยิ่งงานเหนื่อยมาก ยิ่งท้อมาก ยิ่งงานใหญ่มาก ยิ่งท้อมาก
แต่ลูกพระเจ้าต้องคิดไว้เสมอว่า ท้อใจ แต่ต้องไม่ถอย
ที่สำคัญ คือ เมื่อเจองานหนัก ต้องพูดกับตัวเองเสมอว่า “นี่เป็นโอกาสในการพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นมืออาชีพ”
เราต้องมองให้เห็นว่า “งานหนัก” นั้น เป็น “โอกาส” สำหรับเรา
โอกาส เป็นทรัพย์สำหรับทุกคน ดังนั้น เมื่อเจอโอกาส ต้องรีบคว้าไว้ อย่าปล่อยให้หลุดมือ
งานหนัก ทำให้เราพัฒนาศักยภาพ ความคิด ความสามารถ และความอดทน
ถ้าเราผ่านงานหนักได้ เราจะทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่มือสมัครเล่น
เราจะเข้าใจคนทำงาน เพราะเราผ่านมันมาด้วยตัวเอง
ข้าพเจ้าพูดเสมอๆ ว่า “โอกาสมาถึงทุกคนโดยบังเอิญ แต่การที่ใครจะคว้าโอกาสเอาไว้ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่ต้องเป็นการเตรียมตัว เตรียมพร้อมอยู่เสมอ”
1ปต.3:15 แต่ในใจของท่าน จงเคารพนับถือ พระคริสต์ว่าเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด แต่จงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ
พระวจนะตอนนี้ เป็นกุญแจหลักในการรับใช้พระเจ้าให้เกิดผล
กุญแจหนึ่งในนั้น คือ การเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ
การที่คนเราจะคว้าโอกาสที่เข้ามาถึงได้ ต้องเป็นคนที่เตรียมชีวิตไว้ให้พร้อม
เตรียมความคิดไว้ให้พร้อม เตรียมความสามารถไว้ให้พร้อม จึงจะสามารถคว้าโอกาสได้
หลายคนโอกาสมาถึงตัว แต่เขากลับปล่อยให้มันผ่านไปอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่เห็นคุณค่า ...
หลายคนเจองานหนัก ก็หมดกำลังใจทำงานนั้น เห็นว่ามันยากเกินไป ทำไม่ได้ จึงไม่คิดจะทำ
โอกาสในการพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นมืออาชีพ จึงได้ผ่านชีวิตของเขาไปด้วย
สำหรับตัวข้าพเจ้าเอง เมื่อเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่น มีคนถามว่าทำอะไรได้บ้าง?
ข้าพเจ้าตอบทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “ผมทำได้ทุกอย่าง ... ถ้ามีคนสอน”
งานหนักและความลำบากไม่เคยฆ่าใคร แต่ความสบายต่างหากที่ฆ่าคน
ฆ่าสมอง ฆ่าปัญหา ฆ่าความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ฆ่าอนาคต
ดังนั้น วัคซีนประการแรกที่จะป้องกันเราจากความล้มเหลวได้ คือ ต้องไม่กลัวงานหนัก
การหลีกเลี่ยงงานหนัก เท่ากับการหลีกเลี่ยงโอกาสในการประสบความสำเร็จ
“สู้ไม่ถอย ไม่เลี่ยงงานหนัก รับการสร้างและรับการสอน” คือ กุญแจในการประสบความสำเร็จ
และพบโอกาสในความก้าวหน้าทุกๆ ด้าน
1ธส.2:9 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเรา เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า ให้ท่านฟัง เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะไม่เป็นภาระแก่ผู้ใดในพวกท่าน
เปาโล เป็นแบบอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน
องค์ประกอบของความสำเร็จนั้น คือ การทำงานหนัก ไม่กลัวความลำบาก ไม่กลัวความเหน็ดเหนื่อย
เปาโล ทำงานเหน็ดเหนื่อย ทำงานด้วยความยากลำบาก ทำงานทั้งกลางวันกลางคืน
และท่านรู้ดีว่าการทำงานนั้น จะส่งผลให้ท่านประสบความสำเร็จ
ขนาดของงาน วัดขนาดของคน ขนาดของคน กำหนดขนาดของงาน
บางคนพูดมาก แต่ไม่มีผลงาน ชีวิตก็ไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
เมื่อเราทำงาน อย่าถามว่าเราจะได้อะไรจากงานที่ทำนั้น
แต่ต้องถามตัวเองว่า งานที่ทำนั้น จะส่งผลให้เราเป็นอะไรในอนาคต
พระธรรมสุภาษิตก็สอนว่า “มีกำไร อยู่ในงานทุกงาน”
งานๆ หนึ่ง จะส่งเราไปยังอีกงานหนึ่งที่ก้าวหน้าขึ้น สูงขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้น
ดังนั้น คนของพระเจ้าเราต้องอธิษฐานอย่างหนัก พร้อมกับทำงานหนักไปด้วย
แล้วชีวิตของเราจะประสบความสำเร็จ ไม่พบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน
2. เมื่อเจอปัญหาที่มีความซับซ้อน ต้องนิ่ง วางใจและเชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า
ยน.16:33 เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว
พระวจนะของพระเจ้าได้เตือนเราทุกคนไว้แล้วว่า ในโลกนี้เราจะต้องประสบกับความทุกข์ยาก
ในโลกที่เต็มด้วยความบาป เต็มไปด้วยคนบาป เราจะเจอกับความสับสนวุ่นวาย
ไม่เพียงเจอปัญหาธรรมดาเท่านั้น บ่อยครั้งที่เราเจอปัญหาที่มีความซับซ้อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราอยู่ในสังคมที่อ่อนแอ ปัญหายิ่งยากมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น
แต่ท่ามกลางปัญหาและความยุ่งยากนั้น พระเจ้ากำลังหนุนใจเราว่า “นิ่ง วางใจและเชื่อในคำสัญญาของพระองค์”
2คร.7:5-6 เพราะแม้ว่าเมื่อเรามาถึงแคว้นมาซิโดเนียแล้ว ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อนเลย เรามีความลำบากอยู่รอบข้าง ภายนอกมีการต่อสู้ ภายในมีความกลัว แต่ถึงกระนั้นก็ดี พระเจ้าผู้ทรงหนุนน้ำใจคนที่ท้อใจ ได้ทรงหนุนน้ำใจของเรา โดยทรงให้ทิตัสมาหาเรา และมิใช่เพียงการมาของทิตัสเท่านั้น แต่โดยการที่ท่านได้หนุนน้ำใจทิตัสด้วย ตามที่ทิตัสได้มาบอกข้าพเจ้าถึงความอาลัยและความโศกเศร้าของท่าน และใจจดจ่อของท่านที่มีต่อข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่ผู้เชื่อธรรมดาเท่านั้นที่มีปัญหา แม้อัครทูตที่ยิ่งใหญ่อย่างเปาโล ก็เผชิญปัญหาที่ซับซ้อนมากมาก
ร่างกายไม่ได้พัก ความลำบากอยู่รอบข้าง ภายนอกมีการต่อสู้ ภายในมีความกลัว
แต่ท้ายที่สุด ท่ามกลางปัญหานั้น พระเจ้าเองจะเป็นผู้หนุนน้ำใจเรา อย่าลืมว่าท่ามกลางปัญหา เรามีพระเจ้าอยู่ด้วย
เราพึ่งพาในพระเจ้าได้ เราพักพิงในพระเจ้าได้ พระเจ้าทรงเป็นพระศิลาอันมั่นคงในชีวิตของเราทุกคน
สดด.18:2 พระเจ้าทรงเป็นพระศิลา ป้อมปราการ และผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์ เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์เป็นพระศิลาซึ่งข้า พระองค์เข้าลี้ภัยอยู่ในพระองค์ เป็นโล่ เป็นพลังแห่งความรอดของข้าพระองค์ เป็นที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์
สดด.62:8 ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของ เรา
เมื่อเกิดความทุกข์ เมื่อเกิดปัญหา ให้เราร้องทูลและระบายความในใจของเราต่อพระเจ้า
ดีกว่าที่จะระบายกับมนุษย์ด้วยกันเอง เพราะความช่วยเหลือของเรามาจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงแสนดีและทรงสามารถที่จะช่วยเราได้ในทุกทาง
พระเจ้าสอนให้เรานิ่งท่ามกลางปัญหา เพราะเมื่อเรานิ่ง ทุกอย่างจะนิ่งไปด้วย
วิธีที่ทำให้เราสามารถนิ่งได้ คือ การนมัสการและอธิษฐานกับพระเจ้า
ให้จิตใจของเราจดจ่ออยู่ที่พระเจ้า ไม่ใช่จดจ่ออยู่ที่ปัญหา
สดด.46:10-11 "จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้าเราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก" พระเจ้าจอมโยธาทรงสถิตกับเราทั้งหลาย พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่ลี้ภัยของพวกเรา
พคค.3:28 ให้เขานั่งเงียบๆอยู่แต่ลำพัง เพราะพระองค์ทรงวางแอกนั้นเอง
เมื่อเราเจอปัญหา อย่าเดินเข้าไปอยู่ในความซับซ้อนของมัน แต่ให้เราเดินเข้าไปหาพระเจ้า
ปัญหาอาจจะยังอยู่ แต่พระเจ้าจะทำให้เราคิดได้ แก้ไขปัญหานั้นได้ เราจะไม่ล้มตายในปัญหานั้น
ข้อคิดที่ได้เมื่อเราต้องเผชิญปัญหา
เมื่อเราเผชิญปัญหา และเรากล้าที่จะนิ่ง วางใจในพระเจ้า พระองค์จะทำให้เราคิดได้ ดังนี้
2.1 ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น จะวัดเรา สร้างเราและสอนเรา
ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต อย่างน้อยที่สุด เราสามารถนำมันมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตัวเองได้
ปัญหานั้นจะวัดเรา คือ วัดความเป็นผู้ใหญ่ วัดความมีวุฒิภาวะ วัดความอดทนของเรา
เมื่อเกิดปัญหา จึงเป็นการดีที่เราจะสำรวจจุดอ่อนและข้อบกพร่องของตัวเอง
ปัญหานั้นจะสร้างเรา คือ สร้างให้เราเข้มแข็งขึ้น อดทนขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น
เราสามารถวัดคนได้จาก 2 อย่าง คือ 1) งานที่เขาทำ 2) ปัญหาที่เขาต้องเผชิญและผ่านพ้นมาได้
ยิ่งปัญหายุ่งยาก ซับซ้อนมากเพียงใด เราสามารถฝ่าฟันได้ ความเก่งและความแกร่งในชีวิตของเราก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ปัญหานั้นจะสอนเรา คือ ให้ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นครูสอนชีวิตของเรา
อะไรที่ทำแล้วก่อให้เกิดความผิดพลาด ก็จำไว้อย่าทำอีก อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย
คนของพระเจ้า ต้องกล้าที่จะยึดความจริง กล้ายอมรับความจริง
เราทุกคนล้วนมีข้อจำกัด มีจุดอ่อน จุดแข็งที่ไม่เหมือนกันและต้องพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ความสมบูรณ์ขึ้นทุกคน
2.2 ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น จะสร้างให้เราแกร่ง มีเชาว์และไหวพริบดีขึ้น
สดด.23:4 แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระ องค์ คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์
พระเจ้าไม่เคยสัญญากับผู้เชื่อว่า เราจะไม่มีปัญหา
และเมื่อเผชิญกับปัญหานั้น พระองค์ก็ไม่เคยสัญญาอีกเช่นกันว่าจะนำเราอ้อมปัญหา
เมื่อเจอกับหุบเขาเงามัจจุราช พระเจ้าจะพาเราเดินไปกับพระองค์
เมื่อเราผ่านพ้นปัญหานั้นมาได้ ชีวิตของเราจะแกร่งขึ้นและสามารถหนุนใจผู้ที่เผชิญปัญหาได้เช่นกัน
3. เมื่อเจอกับความทุกข์หนัก ตระหนักว่านั่นเป็นแบบฝึกหัดที่ทำให้เราเกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
ตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง การเจอกับความทุกข์หนักไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
แต่แนวคิดที่คนของพระเจ้าควรจะมีเพื่อป้องกันความล้มเหลวของชีวิต
คือ เมื่อเจอกับความทุกข์หนัก ตระหนักว่านั่นเป็นแบบฝึกหัดที่ทำให้เราเกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
2คร.6:3-5 เรามิได้ให้ผู้ใดมีเหตุสะดุดในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เพื่อมิให้การที่เรารับใช้ปฏิบัตินั้นเป็นที่เขาจะติเตียนได้ แต่เราผู้เป็นคนรับใช้ของพระเจ้า ได้กระทำตัวให้เป็นที่ชอบในการทั้งปวง โดยความเพียรอดทนเป็นอันมาก ในความทุกข์ยาก ในความขัดสน ในเหตุ วิบัติ ในการถูกเฆี่ยน ในการที่ถูกจำคุก ในการวุ่นวายในการงานต่างๆในการอดหลับอดนอน ในการอดอาหาร
การเจอกับความทุกข์หนัก ไม่ได้เป็นเวรกรรม แต่เป็นเรื่องของวีรกรรมเมื่อเราสามารถผ่านพ้นมันได้
เปาโลเจอกับความทุกข์หนักสารพัดอย่าง แต่ท่านก็สามารถผ่านพ้นมาแล้ว
และเราเองก็เห็นแล้วว่า ผลของการผ่านพ้นความทุกข์หนัก ทำให้ชีวิตท่านเป็นแบบอย่างของคนส่วนใหญ่ของโลก
ความทุกข์ ก่อให้เกิดทักษะในการปรับตัวและแก้ไขชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้น
ความทุกข์ยากลำบากไม่เคยทำลายใคร ... ดูตัวอย่างจากประเทศสิงคโปร์ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง
ทั้งสามประเทศ เริ่มต้นจากประเทศที่ทุรกันดาร พ่ายแพ้สงคราม ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ
แต่เพราะการเผชิญกับความยากลำบาก ทำให้เขารู้ว่าต้องปรับตัวอย่างไร
ในขณะที่ประเทศไทย ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แม้แต่สุนัขยังไม่อดตาย
ผู้คนสบายมากไป จึงทำให้ประเทศล้าหลังและเสื่อมถอยลงทุกวัน
ยิว เป็นอีกชนชาติหนึ่งที่ก้าวมาสู่การเป็นแนวหน้าของโลกได้ในทุกภาคส่วน
เพราะเขาผ่านความยากลำบากมามาก ถูกฆ่า ถูกทำลาย ถูกเอารัดเอาเปรียบจากประเทศต่างๆ
ผู้คนในชาติต้องเผชิญกับปัญหามากมาย จนกระทั่งกลายเป็นคนที่ไม่กลัวปัญหาอีกต่อไป
ผลของการไม่กลัวปัญหา ทำให้เขาไม่พบกับความล้มเหลว
อีกตัวอย่างที่ข้าพเจ้ามักจะใช้บ่อยๆ ในเรื่องความลำบากสร้างชีวิต คือ เรื่องลูกรักและลูกชัง
แม่ลิงตัวหนึ่ง มีลูกลิง 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นลูกรัก แม่ลิงเอามันไว้ข้างหลัง ตัวหนึ่งเป็นลูกชัง แม่ลิงเอามันไว้ข้างหน้า
ลูกรักที่อยู่ข้างหลังแม่ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหา ไม่มีทางที่จะชนกับต้นไม้ใดๆ เพราะแม่บังอยู่
ลูกชังที่อยู่ข้างหน้า ต้องคอยระมัดระวังและตื่นตัวเสมอ ในการหลีกเลี่ยงที่จะชนกับต้นไม้ ไม่มีแม่คอยบัง
กาลเวลาผ่านไปวันหนึ่งแม่ลิงตาย
ลูกชัง ถูกสัตว์ใหญ่ทำร้ายตายไปด้วย เพราะไม่มีความสามารถในการปรับตัวและหลบหลีกปัญหา
ในขณะที่ลูกชัง กลายเป็นพญาวานร เพราะถูกสร้างตั้งแต่เล็ก
บ่อยครั้งที่พระเจ้าอาจจะเลี้ยงเราอย่างลูกชัง คือ ต้องเจอปัญหาความทุกข์ยากสารพัดมากมาย
แต่เมื่อเราผ่านพ้นไปได้ เราจะขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เรามีทักษะในการดำเนินชีวิต
4. เมื่อเจอเจ้านายจอมละเอียด ให้ถือว่าเป็นการฝึกตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
เจ้านายจอมละเอียด จะทำให้เรารู้สึกกดดันในการทำงาน แต่คนของพระเจ้าต้องไม่ท้อถอย
คิดในมุมกลับกันว่า ถือเป็นการฝึกตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
ความละเอียดของเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาของเรา จะทำให้เรารอบคอบขึ้น เป็นระเบียบขึ้นและทำงานละเอียดขึ้น
งานหยาบนั้น ใครๆ ก็ทำได้ แต่งานละเอียด ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
การมีเจ้านายเป็นจอมละเอียด จะช่วยให้เราสามารถทำงานที่ละเอียดได้มากขึ้น
ถือเป็นข้อดีในการฝึกตนเองให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบขึ้น
ถ้าเราสามารถฝึกและจัดระเบียบการทำงานหรือสิ่งที่อยู่ภายนอกเราได้
สิ่งที่อยู่ภายใน คือ ความคิดและจิตใจของเรา จะก็จะเป็นระเบียบมากขึ้น
อย่าให้เจ้านายจอมละเอียด มาทำให้ชีวิตเราพบกับความล้มเหลว
อย่าคิดว่าจะไปรอดหรือไม่รอด ไหวหรือไม่ไหว
แต่ใช้คำบ่น คำสอน คำตำหนิของเจ้านายนั้นให้เป็นบทเรียนอันล้ำค่าสำหรับชีวิต
เจ้านายเป็นผู้จ้างเรา ให้เงินเดือนเรา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะจุกจิกจู้จี้และละเอียดกับการทำงานของเรา
เพราะเขาปรารถนาจะให้งานเราออกมาดี และชีวิตของเราละเอียดขึ้น
ฟป.4:9 จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน
เปาโลเองไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่ละเอียดกับการทำงานของท่านเท่านั้น
แต่ในการฝึก สร้าง สอนคนรุ่นต่อไป ท่านก็ลงรายละเอียดเช่นเดียวกัน เพราะปรารถนาจะให้งานพระเจ้าเกิดผล
และปรารถนาจะให้คนที่รับใช้นั้นได้ผลดีจากการทำงานของตัวเองด้วย
5. เมื่อเจอคำตำหนิ ให้ถือว่าเป็นการชี้ขุมทรัพย์มหาศาลให้กับเรา
ปกติแล้วเมื่อคนเจอขุมทรัพย์ ยากนักที่จะบอกต่อกับผู้อื่นให้เห็นถึงขุมทรัพย์นั้น
แต่การเจอกับคำตำหนิ ทั้งในด้านการทำงาน การรับใช้หรือการใช้ชีวิตส่วนตัว
นั่นคือว่าเป็นการชี้ขุมทรัพย์อย่างมหาศาลให้กับตัวเราเอง
โดยทั่วไป มนุษย์มักจะมองไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเอง หรือไม่ก็แกล้งทำไม่ยอมรับข้อบกพร่องนั้น
แต่ใครก็ตามที่รักเรา จนกระทั่งกล้าตำหนิโดยไม่กลัวว่าเราจะโกรธ
ถือเป็นเรื่องดี เป็นความปรารถนาดีที่เขามีต่อเรา เพื่อหวังให้เราปรับปรุงตัวเอง
สังคมไทย ขาดความกล้าที่จะยอมรับคำตำหนิ ชอบแต่จะรับคำชมเชย
คำชมเชย เป็นสิ่งดี ทำให้ผู้รับมีกำลังใจทำงานต่อไป
แต่คำตำหนิ ก็เป็นสิ่งดีเช่นกัน ทำให้เรากล้าที่จะสำรวจความบกพร่องในชีวิตของตัวเอง
มธ.5:3 บุคคลผู้ใด รู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา
สภษ.8:32-36 บุตรชายของเราเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา บรรดาผู้ที่รักษาทางของเราก็อยู่สุขสงบ จงฟังคำสั่งสอน และจงฉลาด และอย่าเพิกเฉยเสีย ผู้ใดที่ฟังเรา ก็เป็นสุข คือเฝ้าอยู่ที่ประตูรั้วของเราทุกวัน และคอยอยู่ข้างประตูบ้านของเรา เพราะผู้ใดที่พบเรา ก็พบชีวิต และได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า แต่ผู้ที่พลาดขาดเราก็กระทำตัวเองให้เจ็บบรรดาผู้ที่เกลียดเราก็รับความมรณา"
ถ้าเราไม่รู้สึกบกพร่อง เราก็ไม่มีความรู้สึกว่าเราต้องปรับปรุงตัวเอง
แต่การรู้สึกถึงข้อบกพร่องของตัวเอง ทำให้เรารับการปรับปรุงแก้ไขชีวิตให้ดีขึ้น
แน่นอนว่าไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้สมบูรณ์แบบ แต่เราทุกคนกำลังก้าวไปสู่ความสมบูรณ์
และเราจะสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าไม่มีการปรับปรุง และเราจะมีการปรับปรุงไม่ได้ ถ้าเราไม่รู้สึกบกพร่อง
และเราจะไม่รู้สึกบกพร่อง หากปราศจากคำตำหนิจากคนที่หวังดีต่อเรา
ดังนั้น จงอย่ากลัวคำตำหนิ เมื่อใครตำหนิเรา นำข้อตำหนินั้นมาพิจารณาตัวเอง
ถ้าเรามองการตำหนิ ด้วยทัศนคติอย่างพระเจ้า เราจะเจอขุมทรัพย์มหาศาลในชีวิตของตัวเอง
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแนวคิดส่วนหนึ่งที่จะเป็นวัคซีนป้องกันชีวิตของเราไม่ให้พบกับความล้มเหลว
ความจริงบางเรื่องอาจจะทำให้เราเจ็บปวด ... แต่จำไว้ว่า ความจริงก็จะรักษาชีวิตของเราเช่นกัน
ขอพระเจ้าอวยพร และขอวัคซีนเหล่านี้จะเกิดผลในชีวิตของผู้อ่านทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น